เสียงดังขนาดไหนที่เรียกว่าดัง ?

บทความ เสียงดังขนาดไหนที่เรียกว่าดัง

เสียงดังขนาดไหน ที่เรียกว่าดัง ?

            เคยสงสัยกันหรือเปล่าครับว่าเราฟังเสียงความดังเท่าไหร่ที่เรียกว่าดัง นั่นก็คือระดับเสียงที่มีความดังเกิน 70 – 75dBA ขึ้นไปนั่นเองครับ ถ้าหากเราฟังเสียงนั้นอยู่นาน ๆ ความรู้สึกการได้ยินของเราจะลดความไวในการฟังลง องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า “เสียงที่เป็นอันตราย หมายถึง เสียงที่ดังเกิน 85dBA ที่ทุกความถี่” แล้วทีนี้เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเสียงไหน หรือเสียงอะไรที่เราเรียกกันว่า “เสียงดัง” บ้าง

"แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า เสียงที่ดังมาก ๆ เนี่ยมีผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจ อย่างไร ?"

            การที่เราได้ยินเสียงที่ดังมากเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญ หงุดหงิดไม่สบายใจ เกิดเป็นความเครียดทางประสาทขึ้นมา ทำให้ขาดสมาธิและส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจจะส่งผลต่อหน้าที่การงานได้ ยิ่งถ้าหากเสียงดังเหล่านี้เกิดขึ้นในตอนกลางคืนในขณะที่เรากำลังพักผ่อน จะยิ่งทำให้เป็นผลเสียกับสุขภาพร่างกายของเรามากขึ้น เพราะเสียงดังเหล่านี้จะไปรบกวนการนอนหลับ เมื่อนอนไม่หลับบ่อย ๆ และสะสมเป็นเวลานาน ๆ เข้า มันจะส่งผลต่อสุขภาพของเราโดยตรง ทำให้ร่างกายอ่อนแอจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ จนอาจก่อให้เกิดอาการป่วยทางกายต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และ อื่น ๆ เป็นต้น

ถ้าหากได้ยินเสียงดังเกินกว่าที่กำหนดไปเป็นเวลานาน อาจทำให้สูญเสียการได้ยินได้ (อาจจะชั่วคราวหรือถาวร)

            หูของคนเรานั้นนอกจากมีหน้าที่ในการรับฟังเสียงแล้ว ยังทำหน้าที่ในการควบคุมการทรงตัว เรามักจะได้ยินโรคน้ำในหูไม่เท่ากันอยู่บ่อย ๆ และนี่จึงเป็นสาเหตุให้การทรงตัวของเรามีปัญหา

            หูนั้นประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ คือ

  • ส่วนที่ 1 คือ หูชั้นนอก ที่นับตั้งแต่ใบหู ช่องหู ไปจนถึงแก้วหู
  • ส่วนที่ 2 คือ หูชั้นกลาง ประกอบไปด้วยแก้วหู ในช่องหูชั้นกลาง ก็จะมีกระดูกหูเล็ก ๆ 3 ชิ้น ประกอบไปด้วย กระดูกรูปค้อน ทั่งและโกลน ซึ่งกระดูกส่วนนี้ช่วยในการส่งและขยายเสียง
  • ส่วนที่ 3 คือ หูชั้นใน จะเป็นอวัยวะรูปก้นหอย และอวัยวะรับรู้การทรงตัว

            เสียงที่เราได้ยินนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ ความดัง ความถี่ และคุณภาพของเสียง ในเรื่องของความดังนั้นจะแบ่งเป็นเสียงได้แก่ เสียงดัง เสียงเบา เสียงค่อย เสียงกระซิบ เแต่ถ้าเป็นเรื่องของความถี่ คือ เสียงสูง เสียงกลาง เสียงต่ำ เสียงทุ้ม เสียงแหลม เป็นต้น และในเรื่องของคุณภาพเสียงคือ เสียงเพราะ ก็คือ ได้ยินความถี่ที่พอดี ไม่ดังหรือเบาจนเกินไปจนทำให้เสียงผิดเพี้ยน เป็นต้น

            การได้ยินเสียงนั้นเป็นสุนทรีภาพอย่างหนึ่งของชีวิตคนเราในการใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน ในเสียงดนตรีจะมีเสียงสูงเสียงต่ำที่พอเหมาะ ฟังแล้วไม่ผิดเพี้ยนจนขัดหู เสียงนักร้องที่ร้องเพลงได้ไพเราะ ให้ความดังของเสียงที่พอดี ก็จะฟังไม่น่ารำคาญ แต่ในทางตรงกับข้ามเสียงที่ดังหนวกหูน่ารำคาญก็จะก่อให้เกิดความหงุดหงิด จนกลายเป็นมลพิษทางเสียง นอกจากที่เราได้ยินเสียงดังจนเกิดความรำคาญแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อหูอีกด้วย

            ในการวัดระดับความดังของเสียง มีหน่วยที่เรียกว่า “เดซิเบล (Decible)”โดยใช้ตัวย่อคือ dB ตามปกติคนเราจะเริ่มได้ยินเสียงที่ระดับความดัง 10 – 20dB
ระดับเสียงที่ 30dB จะเป็นเสียงเบาเหมือนเสียงพูดกระซิบกัน
ระดับเสียงที่ 40 – 60dB เป็นเสียงพูดที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
ระดับเสียงที่ 80dB คือเสียงเพลงที่เปิดฟังในบ้านทั่วไป เป็นความดังที่ชัดเจน
ระดับเสียงที่ 80 – 90dB จะเป็นประมาณในโรงงานที่มีเครื่องจักรเสียงดังทำงานอยู่
ระดับเสียงที่ 90-100dB เป็นความดังของเสียงวงดนตรี Rock 

"ในเรื่องของมาตรฐานความดังของเสียงในการทำงานนั้น องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดไว้ว่าเสียงที่เริ่มมีอันตรายต่อหู คือเสียงที่มีความดังระดับ 90dB ขึ้นไป"

            และส่งผลให้ช่วงเวลาในการทำงานก็มีความสำคัญเช่นกันเพราะพบว่า ถ้าต้องทำงานในที่มีเสียงดังระดับ 90dB จะต้องทำงานนั้นไม่เกิน วันละ 7 – 8 ชม. เพราะถ้าเกินกว่านี้จะเกิดอาการหูอื้อ นานไปจะทำให้ประสาทหูถูกทำลายจากเสียงดังได้ หากอยากฟังเพลงได้เป็นเวลานาน ๆ ก็ควรฟังที่ความดังไม่เกิน 80dB ก็จะทำให้ฟังเพลงได้ตลอดทั้งวันไม่ทำให้หูอื้อ

            การใช้อุปกรณ์ป้องกันหู เพื่อลดความดังของเสียงมี 2 แบบ คือ

  1. ที่ครอบหู จะปิดหูและกระดูกรอบ ๆ ใบหูไว้ทั้งหมด สามารถลดระดับความดังของเสียงได้ 20 – 40dBA
  2. ที่อุดหู ทำด้วยยาง หรือพลาสติก ใช้สอดเข้าไปในช่องหูสามารถลดระดับความดังของเสียงได้ 10 – 20dBA การลดระยะเวลาในการรับเสียงของผู้ที่อยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังเกินมาตรฐาน จะช่วยลดเสียงรบกวนได้ไม่มากก็น้อย

เกณฑ์กำหนดของระดับเสียงที่เป็นอันตราย

            กรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดมาตรฐานของระดับเสียงในสถานประกอบการ ต่าง ๆ ไว้ดังนี้คือ

  • ได้รับเสียงไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง ต้องมีระดับเสียงติดต่อกันไม่เกิน 91dBA
  • ได้รับเสียงวันละ 7 – 8 ชั่วโมง ต้องมีระดับเสียง ติดต่อกันไม่เกิน 90dBA
  • ได้รับเสียงเกินวันละ 8 ชั่วโมง ต้องมีระดับเสียง ติดต่อกันไม่เกิน 80dBA
  • นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในที่ ๆ มีระดับเสียงเกิน 140dBA ไม่ได้

            องค์การอนามัยโลกได้กำหนดว่าระดับเสียงที่ดังเกินกว่า 85dBA ถือว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์

สรุป :

            เสียงดังแค่ไหนที่เรียกว่าดัง หลายคนรู้และเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าเสียงดัง แล้วถ้าเราได้ยินเสียงดังนั้นนานเกินไปจะเกิดผลเสียอะไรกับตัวผู้ฟังอย่างไรบ้าง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้หลาย ๆ คนได้นะครับ

สนใจสอบถาม คอร์สเรียนและหลักสูตรต่าง ๆ สามารถสอบถามได้ที่

     โทรศัพท์ 02-550-6340, 064-198-2499

      Line : @liveforsound

      Email : [email protected]

บทความโดย: วิชยุตม์ เตชะเกิดกมล (Content Creator)

รับติดตั้งระบบเสียง ห้องประชุม ร้านอาหาร ผับบาร์ ห้องคาราโอเกะ ห้องจัดเลี้ยง ระบบเสียงสนามกีฬา ระบบเสียงร้านกาแฟ สามารถปรึกษาทางทีมงาน LIVE FOR SOUND ได้ พร้อมรับตรวจเช็ค แก้ไขปัญหาระบบเสียงทุกรูปแบบ โดยทีมงานมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี

สอบถามข้อมูลการเรียนได้ทาง