Comb Filtering
ทำไมบางทีเราถึงไม่รู้ตัวว่าเสียงกำลัง “หาย” อยู่
“ทำไมเสียงมันบางลงแปลกๆ?”
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งเสียงฟังดู “ไม่อิ่ม” “ไม่เต็ม” หรือ “ไม่ชัด” ทั้งที่ระบบเสียงแพงเป็นแสน แต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไป?
คำตอบอาจอยู่ที่ Comb Filtering — ศัตรูเงียบของงานระบบเสียงที่ทำให้เสียงหายเป็นช่วงๆ โดยที่หูเราไม่รู้ตัวเลย
Comb Filter คืออะไร?
Comb Filter เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเสียงจากแหล่งเดียวกัน (หรือคล้ายกัน) เดินทางมาถึงหูเรา (หรือไมโครโฟน) ผ่านทางที่ต่างกัน โดยมาถึงในเวลาที่ไม่เท่ากัน
เมื่อคลื่นเสียงสองลูกที่คล้ายกันมาซ้อนทับ:
- ถ้ามาถึงพร้อมกัน (เฟส 0°) = เสียงดังขึ้น 6 dB
- ถ้าต่างกันครึ่งรอบ (เฟส 180°) = เสียงหักล้างกันหาย
- ถ้าเหลื่อมกัน (เฟส 90°) = บางย่านบวก บางย่านหาย
ปัญหาคือ ความต่างของเฟสขึ้นอยู่กับความถี่ เลยทำให้บางความถี่หาย บางความถี่ดังขึ้น สลับกันไปเรื่อยๆ เมื่อเอาไปวาดกราฟ จะเห็นรูปแบบขึ้นๆ ลงๆ เหมือนฟันหวี
ลองทดสอบดู
- เปิดลำโพงเดียวกัน 2 ตัว วางห่างกันเล็กน้อย
- เดินไปมาหน้าเวที คุณจะได้ยินเสียงที่:
- บางจุด “หนา”
- บางจุด “บาง”
- บางจุด “เสียงแหลมหาย” โดยที่หูจับต้นตอไม่ได้เลย
นี่คือพฤติกรรมของ Comb Filtering
มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
สาเหตุในชีวิตจริง
สถานการณ์ | สาเหตุ | ผลลัพธ์ |
Reflection จากผนัง | ไมโครโฟนรับ Direct Sound + Reflected Sound จากผนัง | เสียงจริง + เสียงก้องชนกัน |
ลำโพงหลายตัว | เสียงจากลำโพงซ้าย-ขวาเดินทางต่างระยะ | เสียงถึงไม่พร้อม → เฟสต่าง |
ไมโครโฟน + Monitor | ไมค์รับเสียงจากนักร้อง + เสียงจาก Monitor บนเวที | สัญญาณย้อนกลับซ้อน |
Delay ผิดพลาด | จูน Delay ผิดพลาด | สัญญาณหลักและสำรอง “ชนกัน” |
ระบบลำโพง 3 ทาง | เสียงจากทวีตเตอร์กับมิดเรนจ์ไม่ออกจากจุดเดียวกัน | ความถี่ทับซ้อนกันเกิด Comb Filter |
ข้อสำคัญ: ไม่จำเป็นต้องกลับขั้วหรือวางผิดทาง แค่คลื่นมาถึง “ไม่พร้อมกัน” ก็พอจะทำให้เสียงบางความถี่หายไปได้
คำนวณ Comb Filter ยังไง?
เมื่อคลื่นเสียงสองลูกมาเจอกัน จะเกิดสองสิ่ง:
- จุดที่เสียงหาย (เรียกว่า Null หรือ Notch) = คลื่นหักล้างกัน
- จุดที่เสียงดังขึ้น (เรียกว่า Peak) = คลื่นเสริมกัน
หากเวลาล่าช้า = t วินาที
- เสียงหายครั้งแรก เกิดที่ความถี่ f = 1/(2t) Hz
- เสียงหายครั้งต่อไป อยู่ที่ 3/(2t), 5/(2t), 7/(2t)…
- เสียงดังขึ้น อยู่ที่ 1/t, 2/t, 3/t, 4/t…
ตัวอย่าง: ถ้า Reflected Sound มาช้า 2 มิลลิวินาที (0.002 วินาที)
- เสียงหายครั้งแรกจะอยู่ที่ 250 Hz (เสียงเบสหาย)
- เสียงหายครั้งต่อไปอยู่ที่ 750 Hz, 1250 Hz, 1750 Hz…
- ระยะห่างระหว่างจุดที่เสียงหาย = 500 Hz
กฎสำคัญ
ยิ่งล่าช้าน้อย = จุดที่เสียงหายจะห่างกันมาก
ยิ่งล่าช้ามาก = จุดที่เสียงหายจะใกล้กันมาก
ความแรงของเสียงต้องใกล้เคียงกัน
การหักล้างกันจะชัดเจนที่สุดเมื่อคลื่นทั้งสองมีความแรงเท่ากัน ลองนึกว่าคลื่นเสียงเป็นนักมวย:
- ถ้าแรงเท่ากัน → ชกกันจนล้มทั้งคู่ (เสียงหายเกือบหมด)
- ถ้าอีกคนอ่อนแอมาก → ไม่มีผลต่อคนแรก (เสียงยังดังเหมือนเดิม)
ตัวเลขจริง: ถ้า Reflected Sound เบากว่า Direct Sound มากกว่า 10 dB (แรงต่างกันประมาณ 3 เท่า) การหักล้างกันจะไม่เห็นผลชัดเจน แม้จะมี Comb Filter เกิดขึ้นแต่ไม่รบกวนการฟัง
สิ่งนี้มีประโยชน์ในการออกแบบห้อง หากเราควบคุม Reflected Sound ให้เบากว่า Direct Sound 10+ dB จะลด Comb Filtering ได้โดยไม่ต้องกำจัด Reflection ทั้งหมด
ทำไมหูเราถึงไม่รู้ตัวบางครั้ง? ("เสียงลวง")
นี่คือส่วนที่น่าสนใจที่สุด! การที่เราจับ Comb Filter ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เสียงมาช้า
การล่าช้าน้อยมาก (< 1 มิลลิวินาที)
- Comb Filter กระทบความถี่สูงเป็นหลัก
- เสียงฟังดูคล้ายถูกตัด High Frequency เบาๆ
- หูไม่รู้สึกรบกวนมากนัก
การล่าช้าปานกลาง (1-20 มิลลิวินาที)
- กระทบช่วงความถี่หลักของเสียงพูดและดนตรี
- ปัญหาชัดเจนที่สุด เสียงฟังดูเป็นโลหะ แหลมคม
- ห้องเล็กมักมีปัญหานี้
การล่าช้ามาก (> 35-50 มิลลิวินาที)
- หูเริ่มแยกออกว่า “นี่ Reflected Sound” ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของ Direct Sound
- Comb Filter มีจำนวน Null มากมายจนหูวิเคราะห์ไม่ไหว
- ผลกระทบลดลงมาก แม้จะยังมี Comb Filter อยู่
Critical Bands ของหู
หูมนุษย์ไม่ได้วิเคราะห์เสียงทีละความถี่ แต่แบ่งเป็น “แถบ” เรียกว่า Critical Bands ถ้า Null ของ Comb Filter แคบกว่าแถบนี้ หูจะไม่รู้ตัวว่าเสียงผิดเพี้ยน
ที่ความถี่ต่ำ Critical Bands แคบกว่า → Comb Filter จึงได้ยินชัดกว่าที่ความถี่ต่ำ
เคลื่อนไหวทำให้แย่ขึ้น (Phasing)
ถ้าแหล่งเสียงหรือผู้ฟังเคลื่อนที่ระหว่างฟัง ทำให้ Comb Filter เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งนี้เรียกว่า “Phasing” และรบกวนการฟังมากพิเศษ
การวินิจฉัยปัญหา
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์
Pink Noise + RTA/Transfer Function
- เปิด Pink Noise แล้วดู RTA หรือ Transfer Function
- ถ้ามียอดแหลม–หลุมสลับๆ แบบถี่ = มี Comb Filtering แน่นอน
สังเกตลักษณะ:
- ฟันหวีชัดเจน = Delay น้อย
- ฟันหวีหนาแน่น = Delay มาก
- ไม่สม่ำเสมอ = หลายแหล่งรบกวน
ทำไม EQ แก้ไม่ได้?
คนมักคิดว่าใช้ EQ ตัดความถี่ที่หายไปแล้วจะแก้ได้ แต่ไม่ได้ผล!
เหตุผล:
- Comb Filter เปลี่ยนไปตามตำแหน่ง ที่นี่ 500 Hz หาย ที่นั่น 800 Hz หาย
- EQ เป็นการปรับแบบครอบคลุม ไม่ได้ขึ้นกับตำแหน่ง
- พยายาม EQ แก้อาจทำให้ลำโพงเสียหายหรือเสียงแย่ขึ้น
อย่าคิดว่า “หูจะจับได้“ — Comb Filtering คือ “ศัตรูเงียบ” ที่ทำให้เสียงคุณดูธรรมดา ทั้งที่ระบบอาจแพงระดับแสนบาทแล้วก็ตาม!
วิธีแก้ไขที่ได้ผลจริง
แก้ที่ต้นเหตุ
ปรับตำแหน่งอุปกรณ์
- ใช้ลำโพงน้อยลง แต่จูนให้แม่น (เสียงน้อยจุด → ลดความซ้อน)
- จัดตำแหน่งลำโพงให้มี “ความตั้งใจ” — อย่าแค่ “ยิงให้ได้ยิน” ต้องยิงให้ คลื่นเดินทางพร้อมกัน
- ย้ายไมโครโฟนให้ห่างจากผนัง
Absorption และ Diffusion
- ใช้วัสดุ Absorption ดูดซับเสียงลด Reflected Sound
- ใช้ Diffuser กระจายเสียงแทนการ Reflection แบบเรียบ
Time Alignment ที่ถูกต้อง
- Delay Alignment ให้ถูก — อย่าดูแค่ความถี่หรือ RTA ต้องดู Transfer Function เพื่อจับเฟสจริง
- ปรับ Delay ให้เสียงจากไดรเวอร์หลายตัวมาถึงพร้อมกัน
- ใช้ Digital Signal Processing (DSP) ช่วย
เทคนิคขั้นสูง
All-Pass Filter
- เครื่องมือระดับมืออาชีพ ที่แก้เฟสแบบ “เฉพาะย่าน” โดยไม่ยุ่งกับความถี่หรือแอมป์
Decorrelation
- ทำให้สัญญาณไม่เหมือนกันมากเกินไป ป้องกัน Comb Filter
- ใช้ในระบบ Multi-zone หรือ Distributed Audio
สรุป: เข้าใจเพื่อป้องกัน
Comb Filtering เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อคลื่นเสียงมาเจอกันในเวลาที่ไม่ตรง
ประเด็นสำคัญ:
- Comb Filtering = เสียงจาก 2 แหล่งเฟสไม่ตรงกัน
- ทำให้ “บางย่านหาย” โดยที่หูไม่รู้ตัว
- ไม่ใช่เรื่องของ EQ หรือความดัง แต่คือเรื่องของเวลา
- แก้ได้ด้วยตำแหน่งที่ตั้ง, Delay, และการวิเคราะห์เฟสจริง
ความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เรา:
- รู้จักแยกแยะ ว่าเสียงที่ฟังดูแปลกมาจากปัญหาอะไร
- แก้ไขถูกจุด ไม่ใช่งมงายไปปรับ EQ
- ออกแบบระบบ ที่หลีกเลี่ยงปัญหาตั้งแต่ต้น
ที่สำคัญคือ การรู้ว่าบางครั้งหูเราไม่รู้ตัวว่าเสียงกำลังผิดเพี้ยน แต่เครื่องมือวัดจะช่วยเปิดเผยสิ่งที่หูไม่สามารถจับได้
เสียงจะเพราะไม่ใช่แค่ “ลำโพงดี” แต่คือ “เสียงไปถึงหูอย่างพร้อมกัน“
อ้างอิง
- Bob McCarthy – Sound Systems: Design and Optimization
- Rational Acoustics – Transfer Function & Phase Analysis
- F. Alton Everest – Master Handbook of Acoustics
- HyperPhysics – Wave Interference http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/Sound/interf.html
บทความโดย: ทรงพล แจ่มแจ้ง (SOUND ENGINEER)
รับติดตั้งระบบเสียง ห้องประชุม ร้านอาหาร ผับบาร์ ห้องคาราโอเกะ ห้องจัดเลี้ยง ระบบเสียงสนามกีฬา ระบบเสียงร้านกาแฟ สามารถปรึกษาทางทีมงาน LIVE FOR SOUND ได้ พร้อมรับตรวจเช็ค แก้ไขปัญหาระบบเสียงทุกรูปแบบ โดยทีมงานมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี
สนใจสอบถาม คอร์สเรียนและหลักสูตรต่าง ๆ ได้ที่
โทรศัพท์ 02-550-6340, 064-198-2499
Line : @liveforsound
Email : sale@liveforsound.com
ไม่อยากพลาดคอนเทนต์ดีๆ ติดตามเราได้ที่
Facebook : Live For Sound
Youtube : Live For Sound
Tiktok : Liveforsound
Instagram : Liveforsound