การสะท้อนเสียงและผลต่อการรับรู้: คู่มือสำหรับ
Sound Engineer
การทำงานด้านระบบเสียงนั้น การเข้าใจเรื่องการสะท้อนเสียงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับ Sound Engineer (ซาวด์เอ็นจิเนียร์) เพราะเสียงที่เราฟังจริง ๆ ไม่ได้มาจากแหล่งกำเนิดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานระหว่างเสียงตรงและเสียงสะท้อนจากพื้นผิวต่าง ๆ ในห้อง
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเสียงในห้องแต่ละห้องจึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน? ทำไมเสียงในโบสถ์ถึงฟังดูกว้างขวาง แต่เสียงในห้องอัดเสียงกลับฟังดูแห้งและชัดเจน?
มาเรียนรู้และทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลยดีกว่า
การสะท้อนเสียง (Sound Reflection) คืออะไร
ารสะท้อนเสียงเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเสียงเดินทางไปกระทบกับพื้นผิวต่าง ๆ เช่น ผนัง เพดาน หรือวัตถุต่าง ๆ แล้วสะท้อนกลับมา คล้ายกับการสะท้อนของแสงจากกระจก
หลักการพื้นฐาน
- มุมตกกระทบ = มุมสะท้อน เหมือนลูกบอลกระดอนจากผนัง
- พลังงานเสียงที่สะท้อนกลับมาจะน้อยกว่าเสียงที่ตกกระทบเสมอ เพราะเสียงบางส่วนจะถูกดูดซับหรือส่งผ่าน
- พื้นผิวที่หนักและแข็งจะสะท้อนเสียงได้ดีกว่าพื้นผิวที่เบาและนิ่ม
ประเภทของเสียงที่เราได้ยิน
1. เสียงตรง (Direct Sound)
เป็นเสียงที่เดินทางจากแหล่งกำเนิดมาถึงหูเราโดยตรง ในระยะทางที่สั้นที่สุด เสียงตรงจะเป็นเสียงแรกที่เราได้ยิน และมีความสำคัญในการกำหนดตำแหน่งของแหล่งเสียง
2. เสียงสะท้อนแรก (Early Reflections)
เป็นเสียงที่สะท้อนจากพื้นผิวต่าง ๆ และมาถึงหูภายใน 50 มิลลิวินาที หลังเสียงตรง สมองเรารวมเสียงเหล่านี้เข้ากับเสียงตรง ทำให้รู้สึกว่าเสียงดังและเต็มอิ่มขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้รู้สึกถึงขนาดและลักษณะของพื้นที่
3. เสียงสะท้อนล่าช้า (Late Reflections)
เป็นเสียงที่มาถึงหลังจาก 50 มิลลิวินาที สมองสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงต่างหาก หากมากเกินไป อาจทำให้เสียงไม่ชัดและเบลอ
4. เสียงก้อง (Echo)
เป็นเสียงสะท้อนที่ชัดเจน แยกออกมาได้เป็นคำ ๆ เกิดจากการสะท้อนจากพื้นผิวที่อยู่ไกล หรือมีความล่าช้ามาก
ปรากฏการณ์สำคัญที่ควรรู้
Haas Effect (Precedence Effect)
เสียงสะท้อนที่มาถึงภายใน 50 มิลลิวินาที หลังเสียงตรง จะถูกสมองรวมเข้ากับเสียงตรง ทำให้:
- ไม่รู้สึกว่าเป็นเสียงแยกต่างหาก
- เสียงมีความดังและความเต็มอิ่มเพิ่มขึ้น
- ช่วยสร้างความรู้สึกของพื้นที่ (spaciousness)
Law of the First Wave Front
เสียงที่มาถึงก่อนจะเป็นตัวกำหนดตำแหน่งที่เรารับรู้ แม้ว่าจะมีเสียงจากทิศทางอื่นตามมาก็ตาม
ผลกระทบต่อการรับรู้ของผู้ฟัง
การรับรู้ความดังและทิศทาง
เสียงสะท้อนแรก (0-50 ms)
- รวมกับเสียงตรง ทำให้เสียงดังและเต็มขึ้น
- ช่วยให้รู้สึกถึงขนาดของห้อง
- ไม่รบกวนการกำหนดตำแหน่งเสียง
เสียงสะท้อนล่าช้า (50+ ms)
- อาจทำให้เสียงไม่ชัดและเบลอ
- รบกวนการฟังรายละเอียด
- อาจเกิดเสียงก้องที่ไม่พึงประสงค์
การเปลี่ยนโทนเสียง (Coloration)
เมื่อเสียงตรงและเสียงสะท้อนรวมกัน อาจเกิด Comb Filtering ซึ่งทำให้:
- ความถี่บางย่านเสริมกัน (ดังขึ้น)
- ความถี่บางย่านหักล้างกัน (หายไป)
- เสียงมี “สี” หรือ “น้ำเสียง” เปลี่ยนไป
Reverberation: เมื่อเสียงสะท้อนเป็นกระแส
Reverberation (รีเวอร์บ) คือการคงอยู่ของเสียงในพื้นที่ปิด เกิดจากการสะท้อนหลายครั้งจากพื้นผิวต่าง ๆ จนเสียงเหล่านั้นรวมกันเป็นกระแสเสียงที่ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง
RT60 (Reverberation Time)
RT60 คือเวลาที่เสียงใช้ในการลดระดับลง 60 เดซิเบล จากระดับเริ่มต้น เมื่อแหล่งเสียงหยุดทำงาน
ผลต่อความเข้าใจคำพูด
- Reverberation น้อยเกินไป: เสียงแห้ง ไม่เป็นธรรมชาติ
- Reverberation มากเกินไป: คำพูดเบลอ ฟังไม่ชัด โดยเฉพาะพยัญชนะ
ตัวอย่างในชีวิตจริง
สถานการณ์ | ลักษณะการสะท้อน | ผลต่อผู้ฟัง |
ห้องประชุมผนังแข็ง | เสียงสะท้อนมาก, RT60 สูง | คำพูดเบลอ, ฟังไม่ออกคำท้าย |
คอนเสิร์ตกลางแจ้ง | ไม่มีเสียงสะท้อน | เสียงแห้ง, ขาดมิติ |
ห้องอัดเสียง | ดูดซับเสียงมาก | ฟังชัด แต่อาจรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ |
โบสถ์/หอประชุมใหญ่ | RT60 ยาว 2-4 วินาที | เหมาะกับดนตรี, ไม่เหมาะกับคำพูด |
การควบคุมเสียงสะท้อนในทางปฏิบัติ
- 1. การออกแบบพื้นที่และวัสดุ
วัสดุที่สะท้อนเสียงมาก
- คอนกรีต กระจก ไม้แข็ง
- เหมาะสำหรับสร้าง “ความมีชีวิตชีวา” ของเสียง
วัสดุที่ดูดซับเสียง
- ผ้า พรม โฟมกันเสียง ฝ้าเพดาน acoustic
- ช่วยลด reverberation และเสียงสะท้อนที่ไม่ต้องการ
วัสดุที่กระจายเสียง (Diffuser)
- ไม้โค้ง แผ่น QRD (Quadratic Residue Diffuser)
- ช่วยกระจายเสียงอย่างสม่ำเสมอ ไม่สร้างจุด reflection แรง
2. การจัดวางลำโพงและไมโครโฟน
หลีกเลี่ยงการสะท้อนที่ไม่ต้องการ
- ไม่ยิงเสียงตรงใส่ผนังเรียบ
- ปรับมุมลำโพงให้เสียงกระจายอย่างเหมาะสม
- วางไมโครโฟนห่างจากพื้นผิวที่สะท้อนแรง
3. การใช้ Digital Reverb
ประเภท Reverb และการใช้งาน
- Plate Reverb: เหมาะกับเสียงร้อง ให้ความใกล้ชิด
- Hall Reverb: สร้างความลึกและมิติ เหมาะกับดนตรี
- Room Reverb: จำลองห้องเล็ก เป็นธรรมชาติ
- Spring Reverb: โทนวินเทจ เหมาะกับเครื่องดนตรี
แนวทางการประยุกต์ใช้
สำหรับห้องประชุม/ห้องเรียน
- เป้าหมาย: RT60 = 0.4-0.8 วินาที
- วิธีการ: เพิ่มวัสดุดูดซับเสียง, ใช้พรม, ผ้าม่าน
- หลีกเลี่ยง: ผนังเรียบขนานกัน
สำหรับห้องฟังเพลง
- เป้าหมาย: RT60 = 0.8-1.5 วินาที (ขึ้นกับขนาดห้อง)
- วิธีการ: สมดุลระหว่างการสะท้อนและการดูดซับ
- เพิ่มเติม: ใช้ diffuser เพื่อความสม่ำเสมอ
สำหรับสตูดิโอบันทึกเสียง
- เป้าหมาย: RT60 = 0.2-0.4 วินาที
- วิธีการ: ดูดซับเสียงในย่านความถี่ที่สำคัญ
- ควรระวัง: อย่าให้แห้งเกินไป
สรุป
การสะท้อนเสียงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีผลอย่างมากต่อประสบการณ์การฟังของเรา การเข้าใจหลักการนี้จะช่วยให้เราสามารถออกแบบพื้นที่ฟังที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ปรับแต่งระบบเสียงให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด และแก้ไขปัญหาเสียงที่เกิดจากการสะท้อนที่ไม่เหมาะสม
จำไว้ว่า “เสียงไม่ได้จบแค่ที่ลำโพง“ แต่มันเดินทางไปเจอทุกสิ่งในพื้นที่ แล้วกลับมาสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์ให้กับผู้ฟัง การออกแบบและควบคุมเสียงสะท้อนจึงเป็นศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจทางทฤษฎีและประสบการณ์ในทางปฏิบัติ
สำหรับ Sound Engineer ที่ต้องการพัฒนาทักษะการฟัง การเข้าใจเรื่องการสะท้อนเสียงนี้จะช่วยให้การมิกซ์เสียงและการทำระบบเสียงสามารถสร้างประสบการณ์การฟังที่น่าประทับใจได้นั่นเอง
ข้อมูลอ้างอิง
- Everest & Pohlmann – Master Handbook of Acoustics (6th Edition)
- Bob McCarthy – Sound Systems: Design and Optimization (2nd Edition)
- HyperPhysics, Georgia State University
การหาความรู้ก็เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ทาง Live For Sound มีหลักสูตรเรียนทางด้าน Sound Engineer รองรับสำหรับคนที่อยากทำงานอาชีพนี้จริงๆ สอนแบบเจาะลึก หลักสูตรทุกหลักสูตรนั้น สร้างมาจากความรู้จากหนังสือบวกกับประสบการณ์ในการทำงานจริง ทำให้หลักสูตร Sound Engineer ของทาง Live For Sound นั้นมีความเข้มข้นและตรงประเด็น เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้น เมื่อเรียนจบแล้วสามารถประกอบอาชีพด้านนี้ได้เลย
ใครที่สนใจอยากทำอาชีพด้าน SOUND ENGINEER สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ได้เลย หลักสูตรเรียน SOUND ENGINEER หรือ อ่านบทความเพิ่มเติม เรียน SOUND ENGINEER จะสามารถไปทำงานที่ไหนได้บ้าง ?
หรือสนใจสอบถามคอร์สเรียนและหลักสูตรต่าง ๆ สามารถสอบถามได้ที่
โทรศัพท์ 02-550-6340, 064-198-2499
Line : @liveforsound
Email : course@liveforsound.com
บทความโดย: ทรงพล แจ่มแจ้ง (SOUND ENGINEER)