ห้องสมุดความรู้เสียงคืออะไร? พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนคิดจะเป็น Sound Engineer Posted on 2025-06-302025-06-30 by Passakorn Chotepuang 30 มิ.ย. เสียง คืออะไร? เสียง (Sound) คือพลังงานที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ แล้วส่งผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ น้ำ หรือของแข็ง ไปยังหูของเรา เสียงจะไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่มีการสั่นสะเทือนและเสียงก็จะไม่เดินทางไปไหนได้เลย หากไม่มี ตัวกลาง ให้ส่งผ่าน ลองนึกถึงลำโพง เมื่อไดอะแฟรมในลำโพงเคลื่อนเข้า–ออก มันกำลัง “สั่น” อากาศรอบ ๆ ตัวการสั่นนี้ทำให้อากาศเกิดความหนาแน่นสลับกันเป็นระยะ ๆ และนั่นแหละ…คือเสียง เสียงเดินทางแบบไหน? เสียงเป็นคลื่นแบบ Longitudinal Wave หรือเรียกอีกแบบว่า “คลื่นตามยาว”มันต่างจากคลื่นบนผิวน้ำที่เราเห็น ซึ่งเป็น “คลื่นขวาง”คลื่นเสียงประกอบด้วย:ช่วงอัด (Compression) คือช่วงที่โมเลกุลของอากาศถูกอัดแน่นช่วงขยาย (Rarefaction) คือช่วงที่โมเลกุลถูกดึงห่างออกเสียงจึงเดินทางแบบ “ผลัก–ดึง” ผ่านโมเลกุลของตัวกลางไม่ใช่ตัวโมเลกุลเคลื่อนไป แต่เป็นพลังงานที่ “ผลักส่งต่อกัน” คล้ายโดมิโน ความถี่ (Frequency) คืออะไร? ความถี่ (Frequency) หมายถึงจำนวนครั้งที่วัตถุสั่นใน 1 วินาที หน่วยคือ Hz (เฮิร์ตซ์)ยิ่งความถี่สูง → เสียงยิ่ง “แหลม”ยิ่งความถี่ต่ำ → เสียงยิ่ง “ทุ้ม”ช่วงการได้ยินของมนุษย์โดยทั่วไปอยู่ที่20Hz – 20,000Hz (20kHz)ยกตัวอย่างง่าย ๆ:ความถี่เสียงที่เราได้ยิน20Hzเสียงกระแทก เบสลึกมาก500Hzเสียงพูดโทนเสียงระดับต่ำ2,000Hzเสียงพูดชัดเจน10,000Hzเสียงแหลม เสียงใสๆ ความดัง (Amplitude) คืออะไร? เสียงดังหรือเบา เกิดจาก “แรง” ที่ใช้ในการสั่นสิ่งนี้เรียกว่า แอมพลิจูด (Amplitude)ยิ่งแรงสั่นมาก → คลื่นเสียง “สูง” → เสียงดังยิ่งแรงสั่นน้อย → คลื่นเสียง “เตี้ย” → เสียงเบาเราวัดความดังเสียงเป็นหน่วย dB SPL (Decibel Sound Pressure Level)เช่น:30dB = เสียงกระซิบ85dB = เสียงดนตรีที่ฟังในบ้านทั่วไป120dB = ระดับเริ่มอันตราย เสียงเดินทางได้เฉพาะเมื่อมี “ตัวกลาง” เท่านั้น เสียงไม่สามารถเดินทางใน “สูญญากาศ” ได้ เพราะเสียงต้องมีโมเลกุลมารับแรงสั่น เช่น อากาศ น้ำ หรือโลหะในอวกาศจึง “เงียบ” แม้ว่าจะมีการระเบิด — เพราะไม่มีอากาศ ตัวกลางที่เสียงใช้สำหรับเดินทาง เสียงจะเดินทางไม่ได้เลย…ถ้าไม่มีสิ่งนี้ เสียง (Sound) ไม่ใช่สิ่งที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างลึกลับมันคือ “พลังงานจากการสั่นสะเทือน” ที่ต้องอาศัย “ตัวกลาง” เพื่อเดินทางไปยังปลายทาง เช่น หูของคุณ ตัวกลางคืออะไร? “ตัวกลาง” คือวัสดุที่เสียงสามารถใช้ในการส่งผ่านพลังงานเช่น:อากาศ (Air) – ตัวกลางที่เราเจอบ่อยที่สุดน้ำ (Water) – ตัวกลางที่เสียงเดินทางได้เร็วกว่าในอากาศของแข็ง เช่น โลหะ (Solid Medium) – ตัวกลางที่เสียงเดินทางเร็วที่สุดหากไม่มีตัวกลาง — ไม่มีเสียงในสุญญากาศ เช่น อวกาศ แม้จะมีการระเบิดขนาดใหญ่ ก็จะไม่มีเสียงใดเดินทางมาถึงหูเราได้เลย พลังงานเสียงเดินทางอย่างไร? คลื่นเสียงเป็นคลื่นตามยาว (Longitudinal Wave)เกิดจาก “การอัด” และ “การขยาย” ตัวของโมเลกุลในตัวกลางเหมือนกับการชนลูกโดมิโน: ตัวแรกผลักตัวที่สอง ตัวที่สองผลักตัวที่สาม… แต่ไม่มีใครเดินทางไปจริง ๆโมเลกุล ไม่เดินทาง ไปพร้อมเสียงสิ่งที่เดินทาง คือ “แรง” หรือ “พลังงาน” ที่ผลักส่งต่อกัน เสียงในของแข็ง vs ของเหลว vs ก๊าซ ตัวกลางความเร็วเสียงโดยประมาณลักษณะเสียงที่ได้ยินอากาศ(Air)343 m/sเสียงทั่วไป, เสียงพูดน้ำ(Water)1,480 m/sเสียงชัดเจนแต่ทึบกว่าในอากาศเหล็ก(Solid)5,960 m/sเสียงเดินทางเร็วมาก, แน่น ชัดเหตุผล: ในของแข็ง โมเลกุลอยู่ใกล้กัน → พลังงานถูกส่งต่อได้รวดเร็วแต่ความแน่นของโมเลกุลก็ส่งผลให้ “เสียงเปลี่ยนลักษณะ” ด้วย ตัวอย่างที่ Sound Engineer ควรรู้ ติดไมค์ไว้ที่พื้นเวที = ได้เสียงจาก “การสั่นพื้น” เร็วกว่าจากอากาศเสียงกลองที่ไมค์จ่อกลองรับได้ = เป็นเสียงที่เดินทางผ่านไม้ก่อนมาถึงอากาศใช้ไมค์รับเสียงพูดผ่านกระดูก (Bone Conduction) = ได้ยินแม้ไม่มีอากาศ🔧 นี่คือเหตุผลว่าทำไม Sound Engineer ต้องเข้าใจว่าเสียง “เดินทางผ่านอะไร” ก่อนถึงหูคนฟัง แล้วเกี่ยวอะไรกับ Phase? เมื่อเสียงจากแหล่งเดียวกัน เดินทางมาถึงหูเราผ่าน “คนละตัวกลาง”มันจะถึงหูไม่พร้อมกัน → เกิด Phase Shift หรือ Comb Filtering ได้เช่น:เสียงจาก Subwoofer เดินทางช้าผ่านอากาศเสียงจากโครงเวที เดินทางเร็วกว่ามาถึงไมค์สิ่งนี้อาจทำให้ “เสียงบางย่านหายไป” ถ้าไม่ปรับ Delay หรือจัดตำแหน่งลำโพงให้เหมาะ แล้วเราฟังเสียงได้อย่างไร? เมื่อคลื่นเสียงกระทบ “แก้วหู” มันจะสั่นสะเทือนส่งต่อผ่านกระดูกเล็ก ๆ 3 ชิ้น ไปยังหูชั้นใน และแปลงเป็นสัญญาณประสาทสมองเราจะ “ตีความ” คลื่นเหล่านั้นออกมาเป็น “เสียง” ที่เรารู้จักเสียงที่คุณได้ยิน = ผลลัพธ์จากฟิสิกส์ + สมองของคุณเอง! เสียงในมุมของ Sound Engineer Sound Engineer ไม่ได้แค่ “ฟังเสียง” แต่เรามองเสียงเป็น ข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ เสียง 1 เสียง อาจมีหลายคลื่นแฝง (Harmonics) เสียงร้องหนึ่งคน อาจมีพฤติกรรมต่างกันขึ้นอยู่กับห้อง และเสียงจากลำโพง อาจ “หายไปบางย่าน” เพราะ Phase หรือ Comb Filteringเราใช้เครื่องมือเช่น:RTA (Real Time Analyzer)FFT (Fast Fourier Transform)Transfer Functionเพื่อแยกแยะว่าเสียง “พฤติกรรม” อย่างไร แล้วค่อยปรับปรุง เสียงไม่ได้เดินตรงอย่างเดียว เมื่อเสียงเดินทาง มันอาจจะสะท้อน (Reflection) กลับมาเป็น Echoดูดซับ (Absorption) จมหายที่ผนังกระจาย (Diffusion) เปลี่ยนทิศทางตีกันเอง (Interference) เกิด “เสียงหาย” (Comb Filtering) เสียง ไม่ได้เป็นแค่เสียง เสียงคือ พฤติกรรมของพลังงาน ที่มนุษย์มีความสามารถพิเศษในการ “แปล” ออกมาและเมื่อคุณรู้ว่าเสียงทำงานอย่างไร…คุณจะสามารถ “ควบคุม” เสียงได้ดีกว่าใคร สรุป : เสียงคือพลังงานที่ซับซ้อน แต่ไม่ซ่อนเร้นหากคุณเข้าใจเสียงในมุมของฟิสิกส์–สรีระ–พฤติกรรมคุณก็พร้อมจะก้าวไปอีกขั้นในเส้นทาง Sound Engineer อย่างแท้จริง สนใจติดตั้งเครื่องเสียงสามารถติดต่อมาทาง Live For Sound ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเสียง มีประสบการณ์มากกว่า 15ปี โทรศัพท์ 02-550-6340, 064-198-2499Line : @liveforsoundEmail : sale@liveforsound.comบทความโดย: ทรงพล แจ่มแจ้ง (SOUND ENGINEER) สอบถามข้อมูลการติดตั้งได้ทาง Passakorn Chotepuang เครื่องเสียงร้านอาหารแบบไหนถึงเรียกว่าดี