เครื่องเสียงร้านอาหารแบบไหนถึงเรียกว่าดี

ร้านอาหาร ควรเลือกใช้เครื่องเสียงแบบไหนดี

       การเปิดร้านอาหาร นอกจากรสชาติของอาหารและบรรยากาศภายร้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่เจ้าของร้าน    อาหารหลาย ๆ ที่นึกถึงก็คือระบบเครื่องเสียงภายในร้าน การติดตั้งเครื่องเสียงภายในร้านอาหารนั้นเริ่มเป็นสิ่งจำเป็นมากยิ่งขึ้น นอกจากอาหารและการตกแต่งร้านแล้ว เสียงเพลงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ร้านอาหารน่านั่งรับประทานมากยิ่งขึ้น

       ก่อนที่จะเลือกเครื่องเสียงร้านอาหารให้เหมาะกับร้านอาหารของเรานั้น เราต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนว่า “เครื่องเสียงร้านอาหารแบบไหนถึงเรียกว่าดี” จะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกในการเลือกซื้อเครื่องเสียงมาใช้ในร้านอาหารของเรา

เลือกลำโพงในร้านอาหารยี่ห้อไหนดี?

       เคยเจอคำถามมากมายจากเจ้าของร้านอาหารที่สอบถามเข้ามา คำถามแรก ๆ ก็คือ ในร้านอาหารจะติดตั้งลำโพงยี่ห้อไหนดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ตอบยากมาก เพราะลำโพงแต่ละยี่ห้อก็จะมีสำเนียงเสียงที่แตกต่างกัน ความไพเราะก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของร้าน บางคนอาจจะชอบลำโพงยี่ห้อ Bose บางคนก็ชอบ JBL บางคนก็ชอบ Electro-voice EV หรือบางคนเคยได้ยินแต่เสียงของลำโพง TOA หรือรู้จักแค่ลำโพง Yamaha

       อยากบอกว่าไม่ว่าจะยี่ห้อไหนนั้น ก็จะมีราคาค่าตัวที่แตกต่างกันไปแต่ละรุ่น ต้องฟังด้วยตัวเองแล้วเลือกยี่ห้อที่ชอบตามงบประมาณที่มี และจะจำนวนกี่ใบนั้นก็ให้ทางวิศวกรออกแบบระบบเสียงเป็นผู้คำนวณจำนวนลำโพงทั้งหมด จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดในการเลือกซื้อ

       หากร้านอาหารเป็นร้านที่มีสภาพทางอคูสติคที่มีเสียงก้องสะท้อนมาก (REVERB) ลำโพงที่ใช้ก็ควรเป็นลำโพงที่ให้เสียงกลางแหลมที่คมชัดมากๆ อย่างยี่ห้อ EV และ JBL หรือสภาพเสียงในร้านไม่มีเสียงจานช้อนดังมากและอยากได้เสียงเพลงที่นุ่ม ๆ ฟังสบายก็จะเลือกใช้ลำโพง Bose ก็จะได้อรรถรสอีกแบบ หรือมีงบประมาณสูงมาก ๆ ก็จะไปใช้ยี่ห้อ Nexo เลยก็ถือว่าได้ของ Hi-End ไปเลย ขึ้นอยู่กับสภาพห้องเป็นหลักว่าต้องใช้ลำโพงแบบไหน หรือถ้าไม่เน้นรายละเอียดของเสียงมาก แค่มีเพลงเปิดคลอเบา ๆ ราคาไม่สูงก็จะเป็นยี่ห้อ TOA ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

อุปกรณ์เครื่องเสียงในร้านอาหารที่ดีเป็นยังไง?

       อุปกรณ์เครื่องเสียงที่ดีสำหรับร้านอาหารนั้น ก็คืออุปกรณ์ต้องมีคุณภาพมีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมในร้านพอสมควร เพราะในร้านอาหารนั้นมีกลิ่นคละคลุ้งจากการทำอาหาร คราบน้ำมันที่ลอยมาเกาะติดอุปกรณ์ พอสะสมเป็นเวลานาน ๆ เข้าก็จะทำให้อุปกรณ์เสียหายเร็วขึ้นกว่าปกติ

       ทางร้านควรจะเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน สินค้าที่มีบริการหลังการขายที่ดี มีอะไหล่สำรองตลอด เพราะร้านอาหารนั้นต้องเปิดทุกวัน อุปกรณ์ต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา ยิ่งร้านอาหารที่มีการเล่นดนตรีสดด้วยแล้ว ต้องเลือกอุปกรณ์ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะเสียงดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของการบริการ ลูกค้าหลายท่านบางคนเลือกมานั่งที่ร้านเพราะดนตรีก็มี หากต้องหยุดเล่นดนตรีเพราะอุปกรณ์ไม่พร้อม อันนี้จะยิ่งสร้างความเสียหายในเชิงธุรกิจต่อผู้ประกอบการร้านอาหารแน่นอน การลงทุนอุปกรณ์ที่ดีทำให้เราหมดกังวลเรื่องนี้ หันไปใส่ใจดูแลเรื่องของการตลาดได้มากยิ่งขึ้น

การวางระบบอุปกรณ์เครื่องเสียงควรมีอะไรบ้าง?

       หากถามถึงระบบอุปกรณ์ของเครื่องเสียงร้านอาหารนั้นก็จะต้องถามไปถึงการใช้งานว่าใช้งานแบบไหน เริ่มตั้งแต่ เปิดเพลง Background Music (แบ็คกราวด์มิวสิค) มีเล่นตนดตรีสด ตั้งแต่โฟร์คซอง หรือวงดนตรีแบบฟูลแบนด์ หรือเปิดเพลงแบบดีเจ ล้วนต้องใช้อุปกรณ์มากน้อยต่างกันไป มาดูอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในแต่ละฟังก์ชั่นกันครับ

       3.1.ร้านอาหารเปิดเพลง Background Music(แบ็คกราวด์มิวสิค)

       ลักษณะของร้านอาหารที่เปิดเพลงแบบ BGM หรือ Background Music (แบ็คกราวด์มิวสิค) ไม่มีอุปกรณ์อะไรที่สลับซับซ้อน อุปกรณ์หลัก ๆ ก็จะมีเครื่องเล่นเพลง เครื่องขยายเสียง และลำโพง โดยสามารถเลือกใช้งานได้ดังต่อไปนี้

  • เครื่องเล่นเพลง หากเป็นสมัยก่อนก็คงต้องคิดถึงเครื่องเล่นเทปหรือเครื่องเล่นซีดี แต่ปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านั้นก็คงล้าสมัยไปแล้ว ด้วยความที่ความจุน้อย ต้องคอยเปลี่ยนแผ่น ต่อให้เป็นไฟล์ MP3 ใส่ CD ก็จะมีปัญหาเรื่องแผ่นสะดุด ปัจจุบันนี้จะใช้เปิดเพลงจากระบบสตรีมมิ่งออนไลน์ อย่าง Spotify, Tidal, Apple Music, Youtube Music เป็นต้น โดยอุปกรณ์ที่เรานำมาเปิดเพลงจากแอพเหล่านี้ ก็จะหนีไม่พ้นโทรศัพท์มือถือหรือ ไอแพด Tablet ของเรา ซึ่งหากจะใช้สายเชื่อมต่อก็จะดูยุ่งยาก ก็จะต้องเลือกซื้ออุปกรณ์เล่นเพลงที่รองรับสัญญาณบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณแบบไร้สาย สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน หรือถ้าไม่ใช้งานแบบไร้สายก็ควรที่จะมีเครื่องเล่นที่สามารถเล่นเพลงจากอุปกรณ์เก็บข้อมูลได้หลากหลาย เช่น USB Flash drive, SD Card ส่วนของ CD นั้นเริ่มจะหมดยุคไปแล้ว และเครื่องเล่นเทปยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยกเว้นร้านนั้นต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็คงจะหาเครื่องเล่นเทปยากพอสมควร
  • เครื่องขยายเสียง เมื่อมีเครื่องเล่นเพลงแล้วก็จะต้องมีเครื่องขยายเสียง เพื่อขยายสัญญาณให้มีความดังเพิ่มขึ้นเพื่อส่งไปยังลำโพงที่อยู่รอบ ๆ ตัวร้าน เครื่องขยายเสียงในปัจจุบันนั้นมักจะมาพร้อมกับเครื่องเล่นภายในตัว ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น แต่คุณภาพเสียง ก็ยังสูงเครื่องเล่นเพลงเฉพาะไม่ได้ การเลือกเครื่องขยายเสียงนั้นต้องขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์รวมของลำโพงเป็นหลัก
  • ลำโพง ลำโพงสำหรับเปิดเพลงในร้านอาหารนั้น ควรใช้ลำโพงขนาดเล็กกะทัดรัด ไม่ควรใช้ลำโพงขนาดใหญ่มาก เพราะจะทำให้ดูไม่สวยงามและเป็นจุดเด่นสายตาได้ การเลือกลำโพงต้องดูว่าลำโพงที่ใช้นั้นใช้ภายนอกหรือภายใน หากใช้ภายนอกก็ควรจะเป็นลำโพงที่มีค่า IP มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP44 ขึ้นไป และลำโพงที่ใช้ก็ต้องดูว่าสายลำโพงเดินไกลมากน้อยขนาดไหน หากเป็นร้านเล็ก ๆ  ก็สามารถเลือกใช้งานเป็นลำโพงแบบ Low Impedance ได้ แต่หากต้องใช้ลำโพงเยอะมาก ๆ และเดินสายระยะทางไกลเกินกว่า 20 เมตร ก็ควรจะใช้ลำโพงที่มี Matching Transformer หรือโวลต์ไลน์ ที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 100V ก็จะประหยัดเครื่องขยายเสียงหรือเพาเวอร์แอมป์ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรให้วิศวกรเสียงเป็นผู้ออกแบบและคำนวณ

       3.2.ร้านอาหารแบบมีวงดนตรี เมื่อมีวงดนตรีเข้ามา อุปกรณ์ระบบเครื่องเสียงต่างๆก็ต้องสามารถรองรับความดังที่เพิ่มขึ้นได้ นอกเหนือจากร้านอาหารที่เปิดเพลงฟังธรรมดาที่มีอุปกรณ์ไม่กี่ชนิด ร้านอาหารก็จำเป็นต้องมีมิกเซอร์หรือเครื่องผสมสัญญาณเสียงเข้ามา เพื่อรวมสัญญาณหลายๆสัญญาณเข้าด้วยกัน ผสมกันจนเกิดความไพเราะก่อนจะปล่อยเสียงไปสู่ผู้ฟัง อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับร้านอาหารที่มีวงดนตรีเล่นมีดังนี้

  • ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับนักร้องและรับเสียงเครื่องดนตรีบางชนิด ไมโครโฟที่ใช้ก็จะมีแบบใช้สายและไร้สาย ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน หากเป็นร้านเล็ก ๆ ก็ใช้ไมโครโฟนที่มีสายก็เพียงพอและทำให้งบประมาณไม่บานปลายมากจนเกินไป
  • มิกเซอร์ เป็นอุปกรณ์ที่รวมสัญญาณเสียงจากไมโครโฟนและเครื่องดนตรีอื่น ๆ เข้าด้วยกัน มิกเซอร์ที่ใช้งานก็มีทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล ซึ่งในปัจจุบันมิกเซอร์ดิจิตอลนั้นมีราคาที่ถูกกว่ามิกเซอร์อนาล็อก จำนวนช่องสัญญาณที่ใช้งานขึ้นอยู่กับจำนวนของไมโครโฟนและเครื่องดนตรีที่ใช้ ยิ่งจำนวนช่องสัญญาณเยอะก็จะยิ่งมีราคาที่สูงขึ้น
  • เครื่องประมวลผลสัญญาณ DSP Processor เป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ต้องมี เพราะการเล่นดนตรีสดนั้นจะต้องมีลำโพงที่ใหญ่ขึ้นและแบ่งแยกย่อยความถี่ไปที่ลำโพงเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ก็จำเป็นต้องมี DSP Processor เพื่อแบ่งความถี่ไปจ่ายให้กับลำโพงเฉพาะ อีกทั้งยังทำหน้าที่ปรับแต่งระบบเสียงให้ทั่วทั้งร้านมีความถี่และความความดังที่ใกล้เคียงกัน
  • เครื่องขยายสัญญาณเสียง ขึ้นอยู่กับลำโพงที่เลือกใช้
  • ลำโพง สำหรับร้านอาหารที่มีดนตรีสดเล่นนั้น ต้องเลือกตามแนวเพลงของร้าน หากเป็นวงเล่นดนตรีฟังสบาย ๆ เราสามารถเลือกใช้ลำโพงที่เป็นคอลัมน์อาเรย์ เนื่องจากสะดวกและมีครบทั้งลำโพงเสียงต่ำและเสียงแหลมในชุดเดียวกัน และมีเครื่องขยายเสียงในตัวอีกด้วย หากเป็นวงดนตรีที่เล่นครบวงมีกลองชุดเข้ามา ก็ต้องเลือกลำโพงที่รองรับความดังที่มากขึ้น ยิ่งเป็นร้านอาหารกึ่งผับด้วยแล้ว ก็ต้องใช้ลำโพงที่พลังเสียงที่ดังเพิ่มขึ้นไปอีกการเลือกลำโพงนั้นควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Sound Engineer เป็นผู้เลือกและวางแผนระบบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้ความดังเพียงพอและทั่วถึงกันทั้งร้าน

ความดังของเสียงที่เหมาะสมกับร้านควรอยู่ในระดับไหน ?

       การกำหนดความดังของระดับเครื่องเสียงที่เหมาะสมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสำหรับเสียงเพลงในร้านอาหาร เพราะหากมีความดังที่มากจนเกินไปก็จะทำให้เกิดความรำคาญและความตึงเครียดขึ้นมาได้ โดยเราสามารถกำหนดความดังร้านแต่ละแบบได้ดังนี้

  • ร้านอาหารนั่งทานทั่วไป ควรมีความดังทั่วทั้งร้านประมาณ 75dB – 80dB เพราะโดยส่วนใหญ่แขกที่มาใช้บริการจะมานั่งทานอาหารและพูดคุยกันเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่เปิดเป็นแค่การเปิดคลอบรรยากาศเท่านั้น จึงไม่ควรที่จะมีความดังมากเกินไป เปิดแค่พอได้ยินฟังสบาย ๆ เท่านั้น
  • สวนอาหาร จะเป็นลักษณะเริ่มมีดนตรีเล่นสดแบบสบาย ๆ ไม่หนักหน่วงมาก ความดังก็ควรอยู่ที่ประมาณ 80dB – 90dB หากต่ำกว่านี้จะโดนเสียงบรรยากาศรอบกลบเสียงเพลงหมด ก็จะทำให้ได้ยินรายละเอียดไม่ดีเท่าที่ควร และร้านอาหารที่เป็นสวนอาหารนั้น จะเป็นร้านที่แขกมาผ่อนคลายเน้นสนุกสนานฟังเพลงและพูดคุยเป็นหลัก จึงจำเป็นต้องมีความดังที่เหมาะสมเช่นกัน
  • ร้านอาหารกึ่งผับ จะเป็นร้านอาหารที่เน้นความบันเทิง วงดนตรีก็จะเป็นจุดขายของร้าน และระบบเสียงก็จะกลายเป็นหัวใจหลักของร้านเช่นกัน ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็จะเน้นไปที่ความบันเทิง ระบบเสียงที่ได้ยินต้องมีความดังเพียงพอที่ทำให้รู้สึกสนุกและยังสามารถนั่งฟังได้นาน ความดังก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 90dB – 95dB

ขั้นตอนการออกแบบเครื่องเสียงในร้านอาหาร

       สำหรับขั้นตอนในการออกแบบระบบเครื่องเสียงร้านอาหารที่ดีนั้น ควรจะวางแผนตั้งแต่เริ่มทำแบบก่อสร้าง เพราะตำแหน่งการวางลำโพงนั้นมีส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบเสียงออกมาเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด รวมไปถึงการเดินท่อร้อยสายลำโพงจะทำได้สวยงามไม่ดูเกะกะสายตา อีกทั้งการออกแบบระบบเสียงร้านอาหารนั้นควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงเป็นผู้ออกแบบ ไม่สามารถกะด้วยสายตาและเอาความสวยงามมาเป็นตัวชี้วัดว่าระบบจะดี ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน

       ข้อมูลที่ทางเจ้าของร้านต้องบอกแก่ผู้ออกแบบระบบเสียงก็คือ ขนาดพื้นที่ของร้าน มีพื้นที่กว้างxยาวxสูง เท่าไหร่ และมีพื้นที่ต้องใช้ระบบเสียงภายนอกหรือเปล่า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคืองบประมาณในการติดตั้งอุปกรณ์ระบบเสียง จะทำให้ช่วยออกแบบได้ตรงตามความต้องการและงบประมาณมากยิ่งขึ้น

สรุป :

       ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือแนวทางในการเลือกเครื่องเสียงร้านอาหารให้เหมาะกับสถานที่และงบประมาณ การวางแผนที่ดี นำไปสู่การวางระบบที่ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

       สนใจติดตั้งเครื่องเสียงร้านอาหาร สามารถติดต่อมาทาง Live For Sound ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเสียง มีประสบการณ์มากกว่า 15ปี 

โทรศัพท์ 02-550-6340, 064-198-2499
Line : @liveforsound
Email : [email protected]

บทความโดย: ทรงพล แจ่มแจ้ง (SOUND ENGINEER)

สอบถามข้อมูลการติดตั้งได้ทาง