ไมโครโฟน Microphone

ไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่แปลงคลื่นเสียงในอากาศเป็descirptionนสัญญาณไฟฟ้าและนำไปบันทึกหรือส่งออกผ่านลำโพง มีหลายประเภทของไมโครโฟนที่ออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานแตกต่างกันเช่น

  • ไมโครโฟนแบบไดนามิก (Dynamic Microphones): ไมโครโฟนแบบนี้ใช้หลักการของคลื่นไฟฟ้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของคอยล์ในสนามแม่เหล็ก มีความทนทานและเหมาะสำหรับการใช้ในงานที่มีเสียงดนตรีหรือการแสดงสด
  • ไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ (Condenser Microphones): คอนเดนเซอร์ไมโครโฟนใช้หลักการของการเปลี่ยนแปลงความจุของตัวรับสัญญาณ (capacitor) ที่มีหน้าที่รับเสียง มีคุณภาพเสียงที่ดีและตอบสนองความถี่กว้าง มักใช้ในงานบันทึกเสียง, การร้องเพลง, และสตูดิโอ.
  • ไมโครโฟนหนีบปกเสื้อ (Lavalier Microphones): แบบลอยคือไมโครโฟนที่มีขนาดเล็กและสามารถคล้องตัวไว้บนเสื้อผ้าหรือสายคล้องคอ เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการซ่อนไม่ให้เห็นไมโครโฟนเช่นในการถ่ายทำภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์
  • ไมโครโฟนแบบไร้สาย (Wireless Microphones): ไมโครโฟนแบบไร้สายมีความสะดวกสบายโดยไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อ มักใช้ในการแสดงสด, การแสดงเพลง, และการประชุม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระ

การเลือกใช้ไมโครโฟนแบบใดขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งแต่ละประเภทของไมโครโฟนจะมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การคำนึงถึงคุณลักษณะของงานและรายละเอียดเสียงที่คุณต้องการจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกไมโครโฟนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานของคุณได้อย่างถูกต้องและมีคุณภาพ

โปรโมชั่น ไมโครโฟน MICROPHONE

แสดงทั้งหมด 2 ผลลัพท์

(ยกเลิกการผลิต)CLEARSOUND CS-520 ชุดไมโครโฟนไร้สายแบบมือถือคู่

7,500฿
CLEARSOUND CS-520 ไมโครโฟนไร้สาย ชนิดไมค์ถือคู่ คลื่นความถี่ UHF 794-806MHz ตัวไมค์ใช้แบตเตอรี่ขนาด AA 2 ก้อน

CLEARSOUND CS-500 ชุดไมโครโฟนไร้สายแบบมือถือคู่

Original price was: 6,900฿.Current price is: 4,900฿.
CLEARSOUND CS-500 ไมโครโฟนไร้สาย ชนิดไมค์ถือคู่ คลื่นความถี่ UHF 748.3~757.7MHz, Up To 50 Meters Line-of-Sight Range

การเลือกซื้อไมโครโฟน (Microphone)

ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานและงบประมาณที่คุณมี. ตรงนี้คือขั้นตอนการเลือกซื้อไมโครโฟนที่คุณสามารถทำได้:

  1. กำหนดวัตถุประสงค์: คิดให้ชัดเจนว่าคุณจะใช้ไมโครโฟนไปทำอะไร อยากใช้ในการบันทึกเสียงเพลง การอัดเสียงพรีเซ็นเตอร์ การสนทนาในการประชุมออนไลน์ หรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการใช้. รูปแบบการใช้งานนี้จะมีความต้องการที่แตกต่างกัน.
  2. ประเภทของไมโครโฟน:
    • ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์: มักใช้สำหรับการอัดเสียงและสร้างเสียงเพลง มีคุณภาพเสียงสูง แต่มาพร้อมราคาที่สูงกว่า.
    • ไมโครโฟนไร้สาย: สะดวกในการใช้งานแบบพกพาและเคลื่อนที่ มักใช้สำหรับการถ่ายทอดสดออนไลน์หรือการประชุมออนไลน์.
    • USB Microphone: มีความสะดวกในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม.
    • XLR Microphone: มักใช้ในระบบเสียงมืออาชีพ ต้องใช้มิกเซอร์หรืออินเตอร์เฟสเสริมสำหรับการเชื่อมต่อ.
  3. คุณภาพเสียง: ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีเท่าไร หากคุณต้องการคุณภาพเสียงสูง คุณจะต้องพิจารณาไมโครโฟนที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่และคุณภาพสูง.
  4. งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่คุณสามารถจ่ายได้ ไมโครโฟนมีราคาหลากหลาย ต้องพิจารณาคุณภาพที่คุณสามารถรับได้ในราคาที่คุณจะจ่าย.
  5. การอ่านรีวิว: อ่านรีวิวและรับคำแนะนำจากผู้ใช้คนอื่นเพื่อทราบว่าไมโครโฟนที่คุณสนใจมีคุณภาพดีหรือไม่.
  6. ทดลองซื้อ: ถ้ามีโอกาส ลองซื้อไมโครโฟนและทดสอบเสียงก่อนซื้อเพื่อทราบว่าคุณพึงพอใจกับคุณภาพเสียงหรือไม่.

การเลือกซื้อไมโครโฟนคือการตัดสินใจสำคัญเพราะมันจะมีผลต่อคุณภาพของงานที่คุณทำ ดังนั้น ให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อไมโครโฟนที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของคุณ.

วิธีดูแลไมโครโฟน

การดูแลรักษาไมโครโฟนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ไมโครโฟนของคุณมีอายุการใช้งานยาวนานและรักษาคุณภาพเสียงให้คงที่ ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับการดูแลรักษาไมโครโฟน:

  1. หลีกเลี่ยงความชื้น: ความชื้นสามารถทำลายส่วนประกอบภายในของไมโครโฟนได้ จึงควรเก็บไมโครโฟนในที่แห้งและหลีกเลี่ยงการใช้งานในสถานที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ใกล้กับน้ำหรือในช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง
  2. ป้องกันการตกกระแทก: การตกหรือกระแทกอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไมโครโฟนได้ ควรเก็บไมโครโฟนในซองหรือกล่องป้องกันเมื่อไม่ใช้งานหรือในระหว่างการเคลื่อนย้าย
  3. ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม: ใช้ผ้านุ่มหรือแปรงขนาดเล็กในการทำความสะอาดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกบนตัวไมโครโฟนและส่วนประกอบ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย
  4. จัดเก็บอย่างเหมาะสม: เมื่อไม่ใช้งาน ควรเก็บไมโครโฟนในที่ที่มีอุณหภูมิคงที่และหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงหรือแหล่งความร้อน
  5. ระวังการใช้สายเคเบิล: ควรจัดการสายเคเบิลของไมโครโฟนอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดความเสียหายที่อาจเกิดจากการดึงหรือบิดสาย
  6. ตรวจสอบและบำรุงรักษา: ตรวจสอบไมโครโฟนและสายเคเบิลอย่างสม่ำเสมอเพื่อค้นหาสัญญาณของความเสียหายหรือสึกหรอ และทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแปลงทันทีเมื่อจำเป็น
  7. หลีกเลี่ยงการเป่าลมหรือพ่นลมโดยตรง: เมื่อทำการทดสอบหรือใช้ไมโครโฟน ควรหลีกเลี่ยงการเป่าลมหรือพ่นลมโดยตรงเข้าไมโครโฟน เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหาย
  8. ใช้ป๊อปฟิลเตอร์: ในการบันทึกเสียง การใช้ป๊อปฟิลเตอร์สามารถช่วยลดเสียงรบกวนจากการเป่าลมหรือเสียงพยัญชนะที่รุนแรง เช่น เสียง "p" หรือ "b" ได้

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้ไมโครโฟนของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและรักษาคุณภาพเสียงให้ดีที่สุดได้