ลำโพง (Speaker)

ลำโพงเป็นอุปกรณ์ที่คุ้นเคยและใช้งานในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง, ดูหนัง ลำโพงยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม ไดรเวอร์ของลำโพงเป็นส่วนสำคัญของลำโพงที่ทำหน้าที่สร้างเสียง ประกอบด้วยคอยล์ (voice coil) ที่ถูกติดไว้กับแม่เหล็ก และเมื่อได้รับสัญญาณไฟฟ้าจากเครื่องขยายเสียง จะเคลื่อนที่ตามกำลังของแม่เหล็ก การเคลื่อนที่นี้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและสร้างเสียงที่เราได้ยิน

การเลือกลำโพงที่เหมาะสมสำหรับความต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญ เริ่มต้นด้วยการกำหนดงบประมาณและวัดขนาดห้อง เลือกให้ลำโพงที่มีขนาดและจำนวนที่เหมาะสม หลังจากนั้นคิดถึงประเภทของลำโพงที่เหมาะกับคุณ ต่อมาคือการเลือกระหว่างลำโพงแบบมีแอมป์ในตัว(Active) หรือไม่มีแอมป์ในตัว(Passive) การอ่านบทความและรีวิวและการรับคำปรึกษาจากผู้ขาย จะช่วยคุณเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและประสิทธิภาพของลำโพงก่อนการตัดสินใจที่จะซื้อได้ การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยคุณในการเลือกและใช้ลำโพงให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการได้

จำหน่ายลำโพงทุกประเภท: ลำโพงกลางแจ้ง, ลำโพงไลน์อาเรย์, ลำโพงคอลัมน์, และ ลำโพงมอนิเตอร์

จำหน่ายลำโพง ลำโพง jbl แต่ละรุ่น ลำโพง bose ลำโพงไร้สาย ลำโพง 5.1 ลำโพงซับวูฟเฟอร์ลำโพง speaker ลำโพงคอมพิวเตอร์ ลำโพงกลางแจ้ง ลำโพงคอลัมน์ ลำโพงไลน์อาเรย์ ลำโพง Monitor ทุกยี่ห้อ พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อลำโพง

Speaker ลำโพง

แสดงทั้งหมด 12 ผลลัพท์

BMB CSV-900 ลำโพงคาราโอเกะ 8นิ้ว 1200วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว ความดัง 112dB

45,900฿
BMB CSV-900 ลำโพง Passive แบบ 3 ทาง ดอกลำโพงขนาด 12 นิ้ว 1200 วัตต์ ความต้านทาน 8 โอห์ม ลำโพงสำหรับคาราโอเกะ (ราคาต่อคู่)

BMB CSD-2000 ลำโพงคาราโอเกะ 12นิ้ว 1200วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว

39,900฿
BMB CSD-2000 ลำโพง Passive แบบ 3 ทาง ขนาดดอกลำโพง 12 นิ้ว 1200 วัตต์ ความต้านทาน 8 โอห์ม ลำโพงสำหรับคาราโอเกะ (ราคาต่อคู่)

BMB CSV-450 ลำโพงคาราโอเกะ 10นิ้ว 500วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว

33,900฿
BMB CSV-450 ลำโพง Passive แบบ 3 ทาง ขนาด 10 นิ้ว 500 วัตต์ ลำโพงสำหรับคาราโอเกะ ให้เสียงที่ดีเยี่ยม ชัดเจน เพลิดเพลินไปกับการร้องคาราโอเกะ (ราคาต่อคู่)

BMB CSD-880 ลำโพงคาราโอเกะ 10นิ้ว 1000วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว

34,900฿
ดอกลำโพง 10 นิ้ว กำลังขับ 1000 วัตต์ ไม่มีแอมป์ในตัว หนัก 18.5 กก.

(ราคาต่อคู่)

BMB CSJ-08 ลำโพงคาราโอเกะ 8นิ้ว 240วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว ความดัง 112dB

16,900฿
ตัวตู้ทำจาก MDF 12มม. ดอกลำโพง 8 นิ้ว กำลังขับ 240 วัตต์ ไม่มีแอมป์ในตัว ตอบสนองความถี่ 46Hz – 20kHz ความดัง 112dB หนัก 7.15 กก.

BMB CSJ-06 ลำโพงคาราโอเกะ 6นิ้ว 320วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว ความดัง 87dB

13,900฿
ตัวตู้ทำจาก MDF ดอกลำโพง 6 นิ้ว กำลังขับ 320 วัตต์ ไม่มีแอมป์ในตัว ตอบสนองความถี่ 51Hz – 20kHz ความดัง 87dB หนัก 4.2 กก.

(ราคาต่อคู่)

BMB CSE-312 ลำโพงคาราโอเกะ 12 นิ้ว 800 วัตต์

38,500฿
สินค้า BMB CSE-312 ลำโพงคาราโอเกะ 12 นิ้ว 800 วัตต์ ให้เสียงเบสที่หนักแน่นทรงพลังและมีความสมดุลระหว่างเสียงเพลงและไมโครโฟน

BMB CSH-W200 ลำโพง Sub Woofer Stand 300W

30,000฿
BMB CSH-W200 ลำโพง Sub Woofer Stand สุดยอดแบรนด์เครื่องเสียง จากประเทศญี่ปุ่น ถูกออกแบบเพื่อรองรับเสียงระดับคุณภาพมีความชัดเจนสูง

BMB CSH-200 ตู้ลำโพง 3 ทาง 300W 8 โอห์ม

30,000฿
BMB CSH-200 ลำโพง 300W สุดยอดแบรนด์เครื่องเสียง และอุปกรณ์ต่อพ่วงเล่นคาราโอเกะชั้นนํา จากประเทศญี่ปุ่น ถูกออกแบบเพื่อรองรับเสียงระดับคุณภาพมีความชัดเจนสูง

BMB CSE-310II ลำโพงคาราโอเกะ 10นิ้ว 800วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว

32,500฿
ตัวแทนจำหน่านสินค้า BMB CSE-310II ลำโพงคาราโอเกะ 10 นิ้ว 500 วัตต์ ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานคาราโอเกะโดยเฉพาะ จึงมีความแตกต่างจากตู้ลำโพงทั่วไป

(คู่)

BMB CSE-308 ลำโพงคาราโอเกะ 8 นิ้ว 400 วัตต์

25,500฿
ตัวแทนจำหน่านสินค้า BMB CSE-308 ลำโพงคาราโอเกะ 8 นิ้ว 400W ตู้ลำโพง BMB ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานคาราโอเกะโดยเฉพาะ

ลำโพงและการใช้งานในหลายประเภทและรูปแบบ

ลำโพง (Speaker) คืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญในระบบเสียง ซึ่งสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นเสียงได้โดยใช้อากาศเป็นตัวกลางในการส่งเสียงออกมาถึงหูของมนุษย์ บทความนี้จะสรุปแนวคิดและประเภทต่าง ๆ ของลำโพงที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน

ความหลากหลายของลำโพง

ลำโพงมีความหลากหลายทั้งในประเภทการใช้งานและรูปแบบ ดังนี้:

  1. ลำโพงแบบมีแอมป์ในตัว (Active Speaker): ลำโพงประเภทนี้มีภาคขยายเสียงภายในตัวและไม่ต้องต่อพ่วงเพาเวอร์แอมป์แยกภายนอก (Power Amplifier) ในบางรุ่นอาจมีฟังชันเสริม เช่น มิกเซอร์ (Mixer), บลูทูธ (Bluetooth), ไมโครโฟนไร้สาย (Wireless Microphone), และฟังชัน DSP (Digital Signal Processing) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของลำโพง และในบางรุ่นอาจมีแบตเตอรี่ (Battery) มาให้ภายในตัวด้วย
  2. ลำโพงแบบไม่มีแอมป์ในตัว (Passive Speaker): ลำโพงประเภทนี้เป็นลำโพงตามปกติที่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง (Power Amplifier) มาเป็นตัวขยายสัญญาณ (Signal) เพื่อให้สามารถใช้งานได้ สามารถเลือกเพาเวอร์แอมป์ที่จะใช้ร่วมด้วยได้ตามความต้องการและความชื่นชอบของผู้ใช้
  3. ลำโพงพ้อยซอส (Point Source Speaker): ลำโพงแบบนี้เห็นได้ทั่วไปและมักใช้ในงานทั่วไป เป็นลำโพง Full Range ที่ให้ความถี่ครอบคลุมโดยสมบูรณ์และมีความสามารถในการตอบสนองย่านความถี่ต่ำได้ในระดับหนึ่ง สามารถใช้ร่วมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer) เพื่อเสริมเสียงความถี่ต่ำ
  4. ลำโพงไลน์อาร์เรย์ (Line Array Speaker): ลำโพงแบบนี้มีลำโพงที่แขวนต่อกันหลายใบและมักใช้ในงานคอนเสิร์ต และงานกลางแจ้งขนาดใหญ่ ลำโพงไลน์อาร์เรย์มีคุณสมบัติให้เสียงที่ดัง ชัดเจน พุ่งไกล แต่มุมกระจายเสียงค่อนข้างแคบ สามารถใช้งานได้ดีในงานที่ต้องการความรอบรู้และการควบคุมเสียงที่ดี
  5. ลำโพงคอลัมน์ (Column Speaker): ลำโพงประเภทนี้มีดอกลำโพงขนาดเล็กหลายดอกเรียงกันเป็นแถว ตามแนวดิ่งอยู่ภายในตู้ใบเดียวกันเพื่อควบคุมมุมกระจายเสียงในเเนวตั้ง ทำให้ลดเสียงสะท้อนที่เกิดจากห้องได้ดี สามารถใช้งานในงานที่ต้องการความรายละเอียดของเสียงที่ดี
  6. ลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer Speaker): ลำโพงประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความถี่ต่ำ และมักใช้ดอกลำโพงและตู้ลำโพงขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้เสียงความถี่ต่ำมีความลึกและความเป็นเสียง สามารถใช้ร่วมกับลำโพงเสียงกลางแหลม (Mid-Hi) ได้ดี เป็นที่นิยมในงานคอนเสิร์ตและงานดนตรีสด
  7. ลำโพงแบบอื่น ๆ: นอกจากนี้ยังมีลำโพงประเภทอื่น ๆ อีกมากมายที่ถูกออกแบบเพื่อรับมือกับความต้องการและสภาพการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ลำโพงชุดพกพา (Portable Speaker) และลำโพงรถยนต์ (Car Speaker) ซึ่งใช้ในรถยนต์

การเลือกใช้ลำโพงที่เหมาะสมกับงานและความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีและประสิทธิภาพที่สูงสุดในการใช้งานของคุณ ความหลากหลายของลำโพงที่มีอยู่ในตลาดให้คุณมีโอกาสเลือกสรรค์ตามความต้องการและงบประมาณของคุณอย่างแท้จริง

วิธีการเลือกซื้อลำโพง (Speaker)

การเลือกซื้อลำโพง (Speaker) ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการและสภาพการใช้งานของคุณได้ดีที่สุด นี่คือคำแนะนำที่ควรคำนึงถึง:

  1. ประเภทของลำโพง: พิจารณาประเภทของลำโพงที่ต้องการ เช่น ไร้สาย, พกพา, หรือลำโพงสำหรับใช้ในบ้าน แต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน.
  2. คุณภาพเสียง: ควรฟังทดสอบเสียงของลำโพงก่อนตัดสินใจซื้อ ตรวจสอบว่ามีความชัดเจน, รายละเอียด, และบาลานซ์ของเสียงที่คุณพอใจหรือไม่ รวมถึงการตอบสนองของเสียงต่ำ (เบส) และเสียงสูง.
  3. ขนาดและการออกแบบ: พิจารณาขนาดและการออกแบบของลำโพงให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่คุณจะวางใช้งาน ลำโพงที่มีขนาดใหญ่อาจให้เสียงที่ดีกว่า แต่ก็ต้องใช้พื้นที่มากกว่า.
  4. ความสามารถในการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบว่าลำโพงมีตัวเลือกการเชื่อมต่อที่คุณต้องการหรือไม่ เช่น Bluetooth, Wi-Fi, AUX, USB หรือการเชื่อมต่อแบบไร้สายอื่นๆ
  5. ความทนทาน: หากคุณต้องการลำโพงสำหรับการใช้งานนอกบ้านหรือพกพา ควรเลือกลำโพงที่มีความทนทาน กันน้ำ และสามารถต้านทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดี.
  6. งบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับการซื้อลำโพงและพยายามค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดภายในราคาที่ตั้งไว้ คุณภาพเสียงที่ดีอาจต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น แต่ก็มีลำโพงคุณภาพดีในทุกระดับราคา.
  7. รีวิวและคำแนะนำ: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณได้ภาพรวมของผลิตภัณฑ์และความพึงพอใจจากผู้ใช้งานจริง.

การเลือกซื้อลำโพงไม่ควรรีบร้อน ให้เวลาในการศึกษาข้อมูลและทดลองฟังเสียงหากเป็นไปได้ เพื่อให้คุณได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง.

วิธีการดูแลลำโพง

การดูแลลำโพงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาคุณภาพเสียงและยืดอายุการใช้งานของลำโพง นี่คือคำแนะนำสำหรับการดูแลลำโพงของคุณ:

  1. ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้านุ่มๆ ในการเช็ดฝุ่นบนลำโพงและตัวเครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือสารเคมีที่รุนแรงที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย.
  2. รักษาความชื้นให้เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการวางลำโพงในที่ที่มีความชื้นสูง เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดความเสียหายกับส่วนประกอบภายในและเสียงที่ผลิตออกมา.
  3. หลีกเลี่ยงการตั้งในที่ที่มีแดดเผา: การโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้วัสดุของลำโพงเสื่อมสภาพ เช่น การซีดจางของสีและการเสียรูปแบบ.
  4. ใช้งานในระดับเสียงที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการเปิดเสียงลำโพงที่ระดับความดังสูงเกินไปเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ขดลวดเสียงและส่วนประกอบอื่นๆ ของลำโพงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น.
  5. ตรวจสอบและรักษาสายเชื่อมต่อ: ตรวจสอบสายเชื่อมต่อและปลั๊กอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการสึกหรอหรือการเชื่อมต่อที่หลวมซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพเสียง.
  6. การจัดเก็บ: หากไม่ใช้งานลำโพงเป็นเวลานาน ควรจัดเก็บในที่ที่ปลอดจากฝุ่นและความชื้น อาจใช้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันฝุ่น.
  7. หลีกเลี่ยงการกระแทกและการตก: รักษาลำโพงให้พ้นจากการกระแทกหรือการตกจากที่สูง เพราะสิ่งนี้สามารถทำให้เกิดความเสียหายทั้งภายนอกและภายในได้.
  8. ใช้ฟังก์ชันการป้องกัน: สำหรับลำโพงที่มีฟังก์ชันการป้องกันเช่นการป้องกันความดันเสียงสูงหรือการตัดเสียงอัตโนมัติ เปิดใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหาย.

การดูแลลำโพงอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ลำโพงของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพเสียงที่ดีได้เช่นกัน.