ลำโพง (Speaker)

ลำโพงเป็นอุปกรณ์ที่คุ้นเคยและใช้งานในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง, ดูหนัง ลำโพงยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม ไดรเวอร์ของลำโพงเป็นส่วนสำคัญของลำโพงที่ทำหน้าที่สร้างเสียง ประกอบด้วยคอยล์ (voice coil) ที่ถูกติดไว้กับแม่เหล็ก และเมื่อได้รับสัญญาณไฟฟ้าจากเครื่องขยายเสียง จะเคลื่อนที่ตามกำลังของแม่เหล็ก การเคลื่อนที่นี้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและสร้างเสียงที่เราได้ยิน

การเลือกลำโพงที่เหมาะสมสำหรับความต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญ เริ่มต้นด้วยการกำหนดงบประมาณและวัดขนาดห้อง เลือกให้ลำโพงที่มีขนาดและจำนวนที่เหมาะสม หลังจากนั้นคิดถึงประเภทของลำโพงที่เหมาะกับคุณ ต่อมาคือการเลือกระหว่างลำโพงแบบมีแอมป์ในตัว(Active) หรือไม่มีแอมป์ในตัว(Passive) การอ่านบทความและรีวิวและการรับคำปรึกษาจากผู้ขาย จะช่วยคุณเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและประสิทธิภาพของลำโพงก่อนการตัดสินใจที่จะซื้อได้ การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยคุณในการเลือกและใช้ลำโพงให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการได้

จำหน่ายลำโพงทุกประเภท: ลำโพงกลางแจ้ง, ลำโพงไลน์อาเรย์, ลำโพงคอลัมน์, และ ลำโพงมอนิเตอร์

จำหน่ายลำโพง ลำโพง jbl แต่ละรุ่น ลำโพง bose ลำโพงไร้สาย ลำโพง 5.1 ลำโพงซับวูฟเฟอร์ลำโพง speaker ลำโพงคอมพิวเตอร์ ลำโพงกลางแจ้ง ลำโพงคอลัมน์ ลำโพงไลน์อาเรย์ ลำโพง Monitor ทุกยี่ห้อ พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อลำโพง

Speaker ลำโพง

แสดงทั้งหมด 10 ผลลัพท์

KEF KC62 ลำโพงดูหนังฟังเพลงซับวูฟเฟอร์ 6.5 นิ้ว 1000วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 105dB

69,900฿
ตัวตู้ทำจาก Titanium ดอกลำโพง 6.5 นิ้ว รองรับกำลังขับสูงสุด 1000 วัตต์ มีแอมป์ในตัว ตอบสนองความถี่ 11Hz – 200Hz ความดัง 105dB หนัก 14 กก.

KEF LSX II ลำโพงฟังเพลง 4.5 นิ้ว 100วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 102dB

55,900฿
KEF LSX II ลำโพงไร้สาย สี CARBON BLACK มีขนาดเล็กกะทัดรัดแต่ให้พลังเสียงที่ดีเก็บทุกรายละเอียดของเนื้อเสียง ยกระดับประสบการณ์การฟังแบบสุดพิเศษ

KEF KF92 ลำโพงซับวูฟเฟอร์ดูหนังฟังเพลง 9 นิ้ว 1000วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 110dB

89,900฿
สินค้า KEF KF92 Powered Subwoofer ลำโพงซับวูฟเฟอร์ มีแอมป์ Class D ในตัว สิ่งที่คุณจะได้ยินคือเสียงเบสที่ลึกและใส ที่ระดับแรงดันเสียงสูงสุด 110db

KEF LS50 Wireless II ลำโพงฟังเพลง 5.25 นิ้ว 380วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 108dB

119,000฿
KEF LS50 Wireless II Black ลำโพงไร้สาย 5.25 นิ้ว เทคโนโลยีดูดซับเสียงสะท้อนแบบใหม่ล่าสุด ยกระดับมาตรฐานเครื่องเล่นเสียงให้สูงขึ้น มอบเสียงที่คมชัด

KEF T205 ชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ 5.1CH

109,900฿
KEF T205 ชุดลำโพงโฮมเธียเตอร์ สำหรับดูภาพยนตร์และฟังเพลงระบบที่เล่นเสียงดังกว่าปกติ ระบบ T205 จะมีลำโพง T301 ที่ใหญ่กว่าสำหรับลำโพงด้านหน้าและช่องสัญญาณกลาง

KEF LS60 Wireless ลำโพงฟังเพลง 5.25 นิ้ว 700วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 111dB

269,000฿
KEF LS60 Wireless ลำโพง Floorstanding 5.25" 1400W การผสมผสานเทคโนโลยีที่สำคัญทั้งหมดของเรา LS60 Wireless จึงให้เสียงที่มีความคมชัดสูงถึง 24 บิต/384kHz

KEF X300A ลำโพง ลำโพงฟังเพลง 5.25นิ้ว 70วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 104dB

29,900฿
KEF X300A ลำโพง Wireless Speaker ทำมาจากไม้เนื้อดี เชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี AirPlay เสียงร้องชัดเจน เสียงสูงทอดไปไกล

KEF R500 ตู้ลำโพงดูหนัง 5.25 นิ้ว 400วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว ความดัง 111dB

59,900฿
KEF R500 ตู้ลำโพงโฮมเธียเตอร์ 3 ทาง ขนาด 5.25 นิ้ว 150 วัตต์ ตอบสนองย่านความถี่ 46Hz - 28kHz ออกแบบรูปลักษณ์มากอย่างสวยหรูเหมาะสุดสำหรับห้องนั่งเล่น

KEF R300 ลำโพงดูหนัง 6.5 นิ้ว 120วัตต์ที่ 8โอมห์ ไม่มีแอมป์ในตัว ความดัง 110dB

39,900฿
KEF R300 ตู้ลำโพงโฮมเธียเตอร์ ขนาด 6.5 นิ้ว ลำโพงแบบ 3 ทาง ตอบสนองย่านความ 50Hz - 28kHz  ทำความดังสูงสุดได้ 110dB

ลำโพงและการใช้งานในหลายประเภทและรูปแบบ

ลำโพง (Speaker) คืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญในระบบเสียง ซึ่งสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นเสียงได้โดยใช้อากาศเป็นตัวกลางในการส่งเสียงออกมาถึงหูของมนุษย์ บทความนี้จะสรุปแนวคิดและประเภทต่าง ๆ ของลำโพงที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน

ความหลากหลายของลำโพง

ลำโพงมีความหลากหลายทั้งในประเภทการใช้งานและรูปแบบ ดังนี้:

  1. ลำโพงแบบมีแอมป์ในตัว (Active Speaker): ลำโพงประเภทนี้มีภาคขยายเสียงภายในตัวและไม่ต้องต่อพ่วงเพาเวอร์แอมป์แยกภายนอก (Power Amplifier) ในบางรุ่นอาจมีฟังชันเสริม เช่น มิกเซอร์ (Mixer), บลูทูธ (Bluetooth), ไมโครโฟนไร้สาย (Wireless Microphone), และฟังชัน DSP (Digital Signal Processing) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของลำโพง และในบางรุ่นอาจมีแบตเตอรี่ (Battery) มาให้ภายในตัวด้วย
  2. ลำโพงแบบไม่มีแอมป์ในตัว (Passive Speaker): ลำโพงประเภทนี้เป็นลำโพงตามปกติที่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง (Power Amplifier) มาเป็นตัวขยายสัญญาณ (Signal) เพื่อให้สามารถใช้งานได้ สามารถเลือกเพาเวอร์แอมป์ที่จะใช้ร่วมด้วยได้ตามความต้องการและความชื่นชอบของผู้ใช้
  3. ลำโพงพ้อยซอส (Point Source Speaker): ลำโพงแบบนี้เห็นได้ทั่วไปและมักใช้ในงานทั่วไป เป็นลำโพง Full Range ที่ให้ความถี่ครอบคลุมโดยสมบูรณ์และมีความสามารถในการตอบสนองย่านความถี่ต่ำได้ในระดับหนึ่ง สามารถใช้ร่วมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer) เพื่อเสริมเสียงความถี่ต่ำ
  4. ลำโพงไลน์อาร์เรย์ (Line Array Speaker): ลำโพงแบบนี้มีลำโพงที่แขวนต่อกันหลายใบและมักใช้ในงานคอนเสิร์ต และงานกลางแจ้งขนาดใหญ่ ลำโพงไลน์อาร์เรย์มีคุณสมบัติให้เสียงที่ดัง ชัดเจน พุ่งไกล แต่มุมกระจายเสียงค่อนข้างแคบ สามารถใช้งานได้ดีในงานที่ต้องการความรอบรู้และการควบคุมเสียงที่ดี
  5. ลำโพงคอลัมน์ (Column Speaker): ลำโพงประเภทนี้มีดอกลำโพงขนาดเล็กหลายดอกเรียงกันเป็นแถว ตามแนวดิ่งอยู่ภายในตู้ใบเดียวกันเพื่อควบคุมมุมกระจายเสียงในเเนวตั้ง ทำให้ลดเสียงสะท้อนที่เกิดจากห้องได้ดี สามารถใช้งานในงานที่ต้องการความรายละเอียดของเสียงที่ดี
  6. ลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer Speaker): ลำโพงประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความถี่ต่ำ และมักใช้ดอกลำโพงและตู้ลำโพงขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้เสียงความถี่ต่ำมีความลึกและความเป็นเสียง สามารถใช้ร่วมกับลำโพงเสียงกลางแหลม (Mid-Hi) ได้ดี เป็นที่นิยมในงานคอนเสิร์ตและงานดนตรีสด
  7. ลำโพงแบบอื่น ๆ: นอกจากนี้ยังมีลำโพงประเภทอื่น ๆ อีกมากมายที่ถูกออกแบบเพื่อรับมือกับความต้องการและสภาพการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ลำโพงชุดพกพา (Portable Speaker) และลำโพงรถยนต์ (Car Speaker) ซึ่งใช้ในรถยนต์

การเลือกใช้ลำโพงที่เหมาะสมกับงานและความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีและประสิทธิภาพที่สูงสุดในการใช้งานของคุณ ความหลากหลายของลำโพงที่มีอยู่ในตลาดให้คุณมีโอกาสเลือกสรรค์ตามความต้องการและงบประมาณของคุณอย่างแท้จริง

วิธีการเลือกซื้อลำโพง (Speaker)

การเลือกซื้อลำโพง (Speaker) ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการและสภาพการใช้งานของคุณได้ดีที่สุด นี่คือคำแนะนำที่ควรคำนึงถึง:

  1. ประเภทของลำโพง: พิจารณาประเภทของลำโพงที่ต้องการ เช่น ไร้สาย, พกพา, หรือลำโพงสำหรับใช้ในบ้าน แต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน.
  2. คุณภาพเสียง: ควรฟังทดสอบเสียงของลำโพงก่อนตัดสินใจซื้อ ตรวจสอบว่ามีความชัดเจน, รายละเอียด, และบาลานซ์ของเสียงที่คุณพอใจหรือไม่ รวมถึงการตอบสนองของเสียงต่ำ (เบส) และเสียงสูง.
  3. ขนาดและการออกแบบ: พิจารณาขนาดและการออกแบบของลำโพงให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่คุณจะวางใช้งาน ลำโพงที่มีขนาดใหญ่อาจให้เสียงที่ดีกว่า แต่ก็ต้องใช้พื้นที่มากกว่า.
  4. ความสามารถในการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบว่าลำโพงมีตัวเลือกการเชื่อมต่อที่คุณต้องการหรือไม่ เช่น Bluetooth, Wi-Fi, AUX, USB หรือการเชื่อมต่อแบบไร้สายอื่นๆ
  5. ความทนทาน: หากคุณต้องการลำโพงสำหรับการใช้งานนอกบ้านหรือพกพา ควรเลือกลำโพงที่มีความทนทาน กันน้ำ และสามารถต้านทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดี.
  6. งบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับการซื้อลำโพงและพยายามค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดภายในราคาที่ตั้งไว้ คุณภาพเสียงที่ดีอาจต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น แต่ก็มีลำโพงคุณภาพดีในทุกระดับราคา.
  7. รีวิวและคำแนะนำ: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณได้ภาพรวมของผลิตภัณฑ์และความพึงพอใจจากผู้ใช้งานจริง.

การเลือกซื้อลำโพงไม่ควรรีบร้อน ให้เวลาในการศึกษาข้อมูลและทดลองฟังเสียงหากเป็นไปได้ เพื่อให้คุณได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง.

วิธีการดูแลลำโพง

การดูแลลำโพงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาคุณภาพเสียงและยืดอายุการใช้งานของลำโพง นี่คือคำแนะนำสำหรับการดูแลลำโพงของคุณ:

  1. ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้านุ่มๆ ในการเช็ดฝุ่นบนลำโพงและตัวเครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือสารเคมีที่รุนแรงที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย.
  2. รักษาความชื้นให้เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการวางลำโพงในที่ที่มีความชื้นสูง เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดความเสียหายกับส่วนประกอบภายในและเสียงที่ผลิตออกมา.
  3. หลีกเลี่ยงการตั้งในที่ที่มีแดดเผา: การโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้วัสดุของลำโพงเสื่อมสภาพ เช่น การซีดจางของสีและการเสียรูปแบบ.
  4. ใช้งานในระดับเสียงที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการเปิดเสียงลำโพงที่ระดับความดังสูงเกินไปเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ขดลวดเสียงและส่วนประกอบอื่นๆ ของลำโพงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น.
  5. ตรวจสอบและรักษาสายเชื่อมต่อ: ตรวจสอบสายเชื่อมต่อและปลั๊กอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการสึกหรอหรือการเชื่อมต่อที่หลวมซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพเสียง.
  6. การจัดเก็บ: หากไม่ใช้งานลำโพงเป็นเวลานาน ควรจัดเก็บในที่ที่ปลอดจากฝุ่นและความชื้น อาจใช้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันฝุ่น.
  7. หลีกเลี่ยงการกระแทกและการตก: รักษาลำโพงให้พ้นจากการกระแทกหรือการตกจากที่สูง เพราะสิ่งนี้สามารถทำให้เกิดความเสียหายทั้งภายนอกและภายในได้.
  8. ใช้ฟังก์ชันการป้องกัน: สำหรับลำโพงที่มีฟังก์ชันการป้องกันเช่นการป้องกันความดันเสียงสูงหรือการตัดเสียงอัตโนมัติ เปิดใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหาย.

การดูแลลำโพงอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ลำโพงของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพเสียงที่ดีได้เช่นกัน.