ลำโพง (Speaker)

ลำโพงเป็นอุปกรณ์ที่คุ้นเคยและใช้งานในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง, ดูหนัง ลำโพงยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม ไดรเวอร์ของลำโพงเป็นส่วนสำคัญของลำโพงที่ทำหน้าที่สร้างเสียง ประกอบด้วยคอยล์ (voice coil) ที่ถูกติดไว้กับแม่เหล็ก และเมื่อได้รับสัญญาณไฟฟ้าจากเครื่องขยายเสียง จะเคลื่อนที่ตามกำลังของแม่เหล็ก การเคลื่อนที่นี้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและสร้างเสียงที่เราได้ยิน

การเลือกลำโพงที่เหมาะสมสำหรับความต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญ เริ่มต้นด้วยการกำหนดงบประมาณและวัดขนาดห้อง เลือกให้ลำโพงที่มีขนาดและจำนวนที่เหมาะสม หลังจากนั้นคิดถึงประเภทของลำโพงที่เหมาะกับคุณ ต่อมาคือการเลือกระหว่างลำโพงแบบมีแอมป์ในตัว(Active) หรือไม่มีแอมป์ในตัว(Passive) การอ่านบทความและรีวิวและการรับคำปรึกษาจากผู้ขาย จะช่วยคุณเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและประสิทธิภาพของลำโพงก่อนการตัดสินใจที่จะซื้อได้ การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยคุณในการเลือกและใช้ลำโพงให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการได้

จำหน่ายลำโพงทุกประเภท: ลำโพงกลางแจ้ง, ลำโพงไลน์อาเรย์, ลำโพงคอลัมน์, และ ลำโพงมอนิเตอร์

จำหน่ายลำโพง ลำโพง jbl แต่ละรุ่น ลำโพง bose ลำโพงไร้สาย ลำโพง 5.1 ลำโพงซับวูฟเฟอร์ลำโพง speaker ลำโพงคอมพิวเตอร์ ลำโพงกลางแจ้ง ลำโพงคอลัมน์ ลำโพงไลน์อาเรย์ ลำโพง Monitor ทุกยี่ห้อ พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อลำโพง

Speaker ลำโพง

แสดงทั้งหมด 8 ผลลัพท์

NEUMANN KH 80 ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ 4 นิ้ว 190วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 108dB

53,040฿
NEUMANN KH 80 ลำโพงมอนิเตอร์ 4 นิ้ว ขนาดกะทัดรัด มีความแม่นยำและชัดเจนสูง ให้เสียงคุณภาพระดับมืออาชีพ

(ราคาต่อคู่)

NEUMANN KH 120 A G ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ 5 นิ้ว 160วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 112dB

100,100฿
NEUMANN KH 120 A G ลำโพงมอนิเตอร์ มีแอมป์ในตัว ให้ความละเอียดเสียงที่ดีเยี่ยมและแม่นยำสูง เรามีทีมงานออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่

(ราคาต่อคู่)

NEUMANN KH 310 A L+R G ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ 8 นิ้ว 300วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 116dB

222,300฿
NEUMANN KH 310 A L+R G ลำโพงมอนิเตอร์แบบ 3 ทาง มีแอมป์ในตัว Class AB ขนาดกะทัดรัด ให้เสียงที่มีความแม่นยำสูง ชัดเจนเป็นธรรมชาติ

(ราคาต่อคู่)

NEUMANN KH 420 A G ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ 10 นิ้ว 610วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 111dB

461,500฿
NEUMANN KH 420 A G ลำโพงมอนิเตอร์แบบ 3 ทาง มีแอมป์ในตัว Class AB เป็นลำโพงที่มีความละเอียดของเนื้อเสียงและความแม่นยำสูง

NEUMANN KH 810 G ลำโพงสตูดิซับวูฟเฟอร์มอนิเตอร์ 10 นิ้ว 290วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 112dB

133,250฿
NEUMANN KH 810 G ลำโพงซับวูฟเฟอร์มอนิเตอร์ ขนาด 10 นิ้ว เหมาะสำหรับห้องสตูดิโอขนาดเล็ก การควบคุมระดับเสียงในตัวและรีโมทคอนโทรล

NEUMANN KH 870 G ลำโพงสตูดิซับวูฟเฟอร์มอนิเตอร์ 10 นิ้ว 400วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 118dB

240,500฿
NEUMANN KH 870 G ลำโพงซับวูฟเฟอร์มอนิเตอร์ ขนาด 10 นิ้ว เหมาะสำหรับห้องสตูดิโอขนาดเล็ก การควบคุมระดับเสียงในตัวและรีโมทคอนโทรล

NEUMANN KH 750 DSP D G ลำโพงสตูดิโอซับวูฟเฟอร์ 10 นิ้ว 256วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 119dB

78,000฿
NEUMANN KH 750 DSP D G ลำโพงซับวูฟเฟอร์ ขนาด 10 นิ้ว เหมาะสำหรับห้องสตูดิโอขนาดเล็ก ที่แผงด้านหลังมี input และ output แบบอะนาล็อกและดิจิตอล

NEUMANN KH 805 AG ลำโพงสตูดิโอซับวูฟเฟอร์มอนิเตอร์ 10 นิ้ว 200วัตต์ มีแอมป์ในตัว ความดัง 112dB

95,000฿
NEUMANN KH 805 AG มีตัวจัดการเสียงเบส 2.1/0.1 ที่สามารถข้ามไปได้ใช้งานได้หลายโหมด LFE ได้รับการออกแบบให้มีความแม่นยำ ได้ช่วยให้สามารถรวมระบบได้อย่างราบรื่น

ลำโพงและการใช้งานในหลายประเภทและรูปแบบ

ลำโพง (Speaker) คืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญในระบบเสียง ซึ่งสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นเสียงได้โดยใช้อากาศเป็นตัวกลางในการส่งเสียงออกมาถึงหูของมนุษย์ บทความนี้จะสรุปแนวคิดและประเภทต่าง ๆ ของลำโพงที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน

ความหลากหลายของลำโพง

ลำโพงมีความหลากหลายทั้งในประเภทการใช้งานและรูปแบบ ดังนี้:

  1. ลำโพงแบบมีแอมป์ในตัว (Active Speaker): ลำโพงประเภทนี้มีภาคขยายเสียงภายในตัวและไม่ต้องต่อพ่วงเพาเวอร์แอมป์แยกภายนอก (Power Amplifier) ในบางรุ่นอาจมีฟังชันเสริม เช่น มิกเซอร์ (Mixer), บลูทูธ (Bluetooth), ไมโครโฟนไร้สาย (Wireless Microphone), และฟังชัน DSP (Digital Signal Processing) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของลำโพง และในบางรุ่นอาจมีแบตเตอรี่ (Battery) มาให้ภายในตัวด้วย
  2. ลำโพงแบบไม่มีแอมป์ในตัว (Passive Speaker): ลำโพงประเภทนี้เป็นลำโพงตามปกติที่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง (Power Amplifier) มาเป็นตัวขยายสัญญาณ (Signal) เพื่อให้สามารถใช้งานได้ สามารถเลือกเพาเวอร์แอมป์ที่จะใช้ร่วมด้วยได้ตามความต้องการและความชื่นชอบของผู้ใช้
  3. ลำโพงพ้อยซอส (Point Source Speaker): ลำโพงแบบนี้เห็นได้ทั่วไปและมักใช้ในงานทั่วไป เป็นลำโพง Full Range ที่ให้ความถี่ครอบคลุมโดยสมบูรณ์และมีความสามารถในการตอบสนองย่านความถี่ต่ำได้ในระดับหนึ่ง สามารถใช้ร่วมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer) เพื่อเสริมเสียงความถี่ต่ำ
  4. ลำโพงไลน์อาร์เรย์ (Line Array Speaker): ลำโพงแบบนี้มีลำโพงที่แขวนต่อกันหลายใบและมักใช้ในงานคอนเสิร์ต และงานกลางแจ้งขนาดใหญ่ ลำโพงไลน์อาร์เรย์มีคุณสมบัติให้เสียงที่ดัง ชัดเจน พุ่งไกล แต่มุมกระจายเสียงค่อนข้างแคบ สามารถใช้งานได้ดีในงานที่ต้องการความรอบรู้และการควบคุมเสียงที่ดี
  5. ลำโพงคอลัมน์ (Column Speaker): ลำโพงประเภทนี้มีดอกลำโพงขนาดเล็กหลายดอกเรียงกันเป็นแถว ตามแนวดิ่งอยู่ภายในตู้ใบเดียวกันเพื่อควบคุมมุมกระจายเสียงในเเนวตั้ง ทำให้ลดเสียงสะท้อนที่เกิดจากห้องได้ดี สามารถใช้งานในงานที่ต้องการความรายละเอียดของเสียงที่ดี
  6. ลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer Speaker): ลำโพงประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความถี่ต่ำ และมักใช้ดอกลำโพงและตู้ลำโพงขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้เสียงความถี่ต่ำมีความลึกและความเป็นเสียง สามารถใช้ร่วมกับลำโพงเสียงกลางแหลม (Mid-Hi) ได้ดี เป็นที่นิยมในงานคอนเสิร์ตและงานดนตรีสด
  7. ลำโพงแบบอื่น ๆ: นอกจากนี้ยังมีลำโพงประเภทอื่น ๆ อีกมากมายที่ถูกออกแบบเพื่อรับมือกับความต้องการและสภาพการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ลำโพงชุดพกพา (Portable Speaker) และลำโพงรถยนต์ (Car Speaker) ซึ่งใช้ในรถยนต์

การเลือกใช้ลำโพงที่เหมาะสมกับงานและความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีและประสิทธิภาพที่สูงสุดในการใช้งานของคุณ ความหลากหลายของลำโพงที่มีอยู่ในตลาดให้คุณมีโอกาสเลือกสรรค์ตามความต้องการและงบประมาณของคุณอย่างแท้จริง

วิธีการเลือกซื้อลำโพง (Speaker)

การเลือกซื้อลำโพง (Speaker) ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการและสภาพการใช้งานของคุณได้ดีที่สุด นี่คือคำแนะนำที่ควรคำนึงถึง:

  1. ประเภทของลำโพง: พิจารณาประเภทของลำโพงที่ต้องการ เช่น ไร้สาย, พกพา, หรือลำโพงสำหรับใช้ในบ้าน แต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน.
  2. คุณภาพเสียง: ควรฟังทดสอบเสียงของลำโพงก่อนตัดสินใจซื้อ ตรวจสอบว่ามีความชัดเจน, รายละเอียด, และบาลานซ์ของเสียงที่คุณพอใจหรือไม่ รวมถึงการตอบสนองของเสียงต่ำ (เบส) และเสียงสูง.
  3. ขนาดและการออกแบบ: พิจารณาขนาดและการออกแบบของลำโพงให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่คุณจะวางใช้งาน ลำโพงที่มีขนาดใหญ่อาจให้เสียงที่ดีกว่า แต่ก็ต้องใช้พื้นที่มากกว่า.
  4. ความสามารถในการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบว่าลำโพงมีตัวเลือกการเชื่อมต่อที่คุณต้องการหรือไม่ เช่น Bluetooth, Wi-Fi, AUX, USB หรือการเชื่อมต่อแบบไร้สายอื่นๆ
  5. ความทนทาน: หากคุณต้องการลำโพงสำหรับการใช้งานนอกบ้านหรือพกพา ควรเลือกลำโพงที่มีความทนทาน กันน้ำ และสามารถต้านทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดี.
  6. งบประมาณ: กำหนดงบประมาณสำหรับการซื้อลำโพงและพยายามค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดภายในราคาที่ตั้งไว้ คุณภาพเสียงที่ดีอาจต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น แต่ก็มีลำโพงคุณภาพดีในทุกระดับราคา.
  7. รีวิวและคำแนะนำ: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณได้ภาพรวมของผลิตภัณฑ์และความพึงพอใจจากผู้ใช้งานจริง.

การเลือกซื้อลำโพงไม่ควรรีบร้อน ให้เวลาในการศึกษาข้อมูลและทดลองฟังเสียงหากเป็นไปได้ เพื่อให้คุณได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแท้จริง.

วิธีการดูแลลำโพง

การดูแลลำโพงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาคุณภาพเสียงและยืดอายุการใช้งานของลำโพง นี่คือคำแนะนำสำหรับการดูแลลำโพงของคุณ:

  1. ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้านุ่มๆ ในการเช็ดฝุ่นบนลำโพงและตัวเครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือสารเคมีที่รุนแรงที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย.
  2. รักษาความชื้นให้เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการวางลำโพงในที่ที่มีความชื้นสูง เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดความเสียหายกับส่วนประกอบภายในและเสียงที่ผลิตออกมา.
  3. หลีกเลี่ยงการตั้งในที่ที่มีแดดเผา: การโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้วัสดุของลำโพงเสื่อมสภาพ เช่น การซีดจางของสีและการเสียรูปแบบ.
  4. ใช้งานในระดับเสียงที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการเปิดเสียงลำโพงที่ระดับความดังสูงเกินไปเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ขดลวดเสียงและส่วนประกอบอื่นๆ ของลำโพงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น.
  5. ตรวจสอบและรักษาสายเชื่อมต่อ: ตรวจสอบสายเชื่อมต่อและปลั๊กอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการสึกหรอหรือการเชื่อมต่อที่หลวมซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพเสียง.
  6. การจัดเก็บ: หากไม่ใช้งานลำโพงเป็นเวลานาน ควรจัดเก็บในที่ที่ปลอดจากฝุ่นและความชื้น อาจใช้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันฝุ่น.
  7. หลีกเลี่ยงการกระแทกและการตก: รักษาลำโพงให้พ้นจากการกระแทกหรือการตกจากที่สูง เพราะสิ่งนี้สามารถทำให้เกิดความเสียหายทั้งภายนอกและภายในได้.
  8. ใช้ฟังก์ชันการป้องกัน: สำหรับลำโพงที่มีฟังก์ชันการป้องกันเช่นการป้องกันความดันเสียงสูงหรือการตัดเสียงอัตโนมัติ เปิดใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหาย.

การดูแลลำโพงอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ลำโพงของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพเสียงที่ดีได้เช่นกัน.