ระบบเสียงคาราโอเกะ เลือกอย่างไรให้โดนใจ

การเลือก ระบบเสียงคาราโอเกะ ให้โดนใจ

การร้องเพลงนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

การพบปะกันในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการพบปะพูดคุยกันในหมู่เครือญาติ เพื่อนฝูง หรือการประชุมเกี่ยวกับธุรกิจต่าง ๆ เมื่อกิจกรรมเหล่านี้เสร็จสิ้นลง ก็ต้องมีการสังสรรค์และมีสิ่งบันเทิงเข้ามาเพื่อผ่อนคลายในเรื่องเครียด ๆ ที่เจอมาทั้งวัน แน่นอนว่าการร้องเพลงนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ระบบเสียงคาราโอเกะจึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่ช่วยเข้ามาเติมเต็มบรรยากาศแห่งการสังสรรค์ให้มีชีวิตชีวามากขึ้นไปอีก

การเลือกอุปกรณ์ในการทำระบบห้องคาราโอเกะนั้น เราต้องแบ่งการใช้งานได้ประมาณ 2 ประเภทหลัก ๆ ก็คือ ระบบคาราโอเกะที่ใช้ภายในบ้าน กับระบบคาราโอเกะที่ใช้ในร้านให้เช่าห้องคาราโอเกะ ซึ่งรายละเอียดอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ก็แทบไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ความแตกต่างจะอยู่กันที่คุณภาพและความคงทนของอุปกรณ์นั้น

อุปกรณ์สำหรับระบบเสียงคาราโอเกะ มีอะไรบ้าง ?

ไมโครโฟน (MICROPHONE)

อยากจะร้องคาราโอเกะให้เสียงดี การรับแหล่งกำเนิดเสียงต้นทางเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะไมโครโฟนมีหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ถ้าไมโครโฟนไม่มีคุณภาพ เสียงที่ได้ก็จะผิดเพี้ยน การใช้ไมโครโฟนมีสายหรือไร้สายก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัว เรามาดูข้อดีของไมโครโฟนแต่ละชนิดกัน

- ไมโครโฟนแบบมีสาย ให้คุณภาพเสียงที่ดี ราคาไม่แพง มีความทนทาน เพราะวัสดุตัวไมค์ทำจากวัสดุแข็ง เราสามารถเลือกไมโครโฟนรุ่นที่เราชื่นชอบนำมาร้องกับเครื่องคาราโอเกะของเราได้ แต่ก็ต้องแลกมากับการที่มีสายเกะกะ แต่ถ้าไม่เน้นเดินไปมา หรือร้องส่วนตัวที่บ้านคนเดียว ก็ใช้ไมโครโฟนแบบใช้สายก็ได้ ให้คุณภาพเสียงที่ดีในงบประมาณที่ประหยัด

- ไมโครโฟนแบบไร้สายหรือไมค์ลอย มีราคาที่สูงกว่าไมโครโฟนแบบมีสาย แต่ก็นำมาซึ่งความสะดวกที่ไม่มีสายเกะกะ สามารถเคลื่อนย้ายตัวไมค์ได้ง่าย มีย่านความถี่ให้เลือกในช่วงย่าน VHF และ UHF วัสดุจะไม่คงทนกับไมโครโฟนแบบมีสาย แต่ก็เหมาะกับร้านอาหารที่มีห้องคาราโอเกะ เพราะไมโครโฟนเคลื่อนย้ายเปลี่ยนจุดได้ง่าย

มิกเซอร์ (MIXER)

มิกเซอร์หรือเครื่องผสมสัญญาณเสียง มีให้เลือกทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล มิกเซอร์อนาล็อกนั้นใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เหมาะกับมือใหม่และใช้เล่นในบ้านง่าย ๆ ส่วนมิกเซอร์ดิจิตอลนั้นใช้ได้ทั้งเล่นในบ้านและร้านคาราโอเกะ ยิ่งร้านคาราโอเกะนั้นต้องใช้มิกเซอร์ดิจิตอล เพราะสามารถ Lock การตั้งค่าต่าง ๆ ไม่ให้แขกที่มาใช้บริการปรับเล่นจนอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ ณ เวลานี้มิกเซอร์ดิจิตอลมีราคาถูกลงมากกว่าสมัยก่อนเยอะมาก ดังนั้นแนะนำให้ใช้มิกเซอร์ดิจิตอลไปเลยจะเป็นการเหมาะสมที่สุด หรือจะใช้มิกเซอร์ที่มีเพาเวอร์แอมป์ในตัวก็ได้ สิ่งที่สำคัญคือมิกเซอร์ต้องมีเสียงเอฟเฟคในตัว ไม่งั้นร้องเพลงแล้วจะไม่มีรสชาติ

เครื่องเล่นคาราโอเกะ
(KARAOKE-PLAYER)

การเล่นเพลงคาราโอเกะนั้นสิ่งที่เราหนีไม่ได้เลยก็คือ ลิขสิทธิ์เพลง เครื่องเล่นเพลงคาราโอเกะนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เครื่องเล่นเพลงคาราโอเกะที่มีเพลงคาราโอเกะจากค่ายเพลง ซึ่งเสียงดนตรีจะเหมือนกับต้นฉบับทุกอย่างแค่ตัดเสียงร้องออกได้ กับโปรแกรมคาราโอเกะบนคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคาราโอเกะนี้ เพลงส่วนใหญ่จะเป็นเสียงเครื่องดนตรีจำลองขึ้นมาที่เราเรียกว่า เสียง MIDI เสียงเพลงไม่สมจริงมากนัก แต่มีเพลงเยอะมากกว่าแบบแรก เหมาะสำหรับทำเครื่องเสียงคาราโอเกะให้เช่าตามงานเลี้ยงต่าง ๆ เพราะมีเพลงรองรับแขกที่มางานทุกประเภท ส่วนเครื่องเล่นคาราโอเกะแบบแรก จะให้อรรถรสของเสียงเพลงที่ดีกว่า เหมาะกับเล่นในบ้านหรือร้านให้เช่าห้องคาราโอเกะต่าง ๆ หากเล่นในบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าลิขสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นให้เช่าห้องคาราโอเกะ ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ตามที่ค่ายเพลงนั้น ๆ กำหนด

เครื่องขยายเสียงและลำโพง (AMP&SPK)

ในส่วนของเครื่องขยายเสียงและลำโพงสำหรับคาราโอเกะนั้น จะไม่ใช้วัตต์ที่สูงมาก เพราะไม่ใช่พื้นที่ขนาดใหญ่ที่ต้องการความดังและกำลังขยายสูงขนาดนั้น การเลือกลำโพงกับเครื่องขยายเสียงควรที่จะมีความเข้ากันได้ เช่นลำโพงขนาดกำลังขับ 100 วัตต์ เราควรใช้เครื่องขยายเสียงกำลังขับไม่น้อยกว่า 100 วัตต์ และไม่ควรเกิน 200 วัตต์ หากคิดง่ายๆคือ กำลังวัตต์ของเพาเวอร์แอมป์ไม่ควรต่ำกว่ากำลังวัตต์ของลำโพง และไม่ควรเกินกำลังวัตต์ของลำโพง x2 นั่นเอง ลำโพงอีกตัวที่ต้องมีคือลำโพงเสียงต่ำ หรือที่เรียกว่า Subwoofer ขนาดของลำโพงไม่ควรต่ำว่า 12 นิ้ว และไม่เกิน 15 นิ้ว ไม่งั้นจะดูใหญ่เกินไป แต่หากจะใช้ลำโพงเสียงต่ำขนาด 8นิ้ว ก็ควรเลือกลำโพงที่มีกำลังขยายมากกว่าเสียงกลางแหลมซัก 3 เท่า จะให้ความดังเสียงต่ำที่พอดี

การเลือกอุปกรณ์ระบบเสียงคาราโอเกะภายในบ้าน

อุปกรณ์ระบบเสียงคาราโอเกะภายในบ้านนั้น เน้นการใช้งานส่วนตัว หากมีงบประมาณก็เลือกไมโครโฟนที่มีคุณภาพเสียงที่ดีตามงบประมาณ จะใช้แบบมีสายหรือไร้สายแล้วแต่สะดวก และมิกเซอร์ก็ใช้เป็นแบบอนาล็อกหรือดิจิตอลก็ได้ ส่วนลำโพงและเครื่องขยายเสียงไม่ควรใช้กำลังวัตต์ที่สูงจนเกินไป เพราะอาจจะไปรบกวนข้างบ้านได้ ความดังก็ควรอยู่ที่ 85dB ซึ่งถือได้ว่าดังกำลังดี

การเลือกอุปกรณ์ระบบเสียงคาราโอเกะให้เช่า

สำหรับอุปกรณ์ระบบเสียงคาราโอเกะในห้องสำหรับเช่านั้น ต้องเน้นความคงทนเป็นหลัก ไมโครโฟนต้องใช้เป็นไมโครโฟนแบบไร้สาย และต้องใส่กันกระแทกตรงหัวไมโครโฟนด้วย เพราะเผื่อแขกที่มาใช้งานทำไมโครโฟนตก หรือวางไม่เรียบร้อย ส่วนมิกเซอร์ควรใช้เป็นดิจิตอลมิกเซอร์ เพื่อเป็นการป้องกันการปรับแต่งจากผู้มาใช้งาน ลำโพงควรเป็นลำโพงที่ให้กำลังวัตต์สูงหน่อย เพื่อความสนุกสนานของเสียงดนตรีและควรมีลำโพงเสียงต่ำเพื่อเพิ่มอรรถรสของจังหวะให้เร้าใจยิ่งขึ้น

สรุป :

ระบบเสียงคาราโอเกะที่ดี ควรตอบสนองความบันเทิงของผู้ใช้งาน ให้คุณภาพเสียงที่สมจริง และมีความทนทาน ใช้งานง่าย ต้องการระบบเสียงคาราโอเกะคุณภาพ สามารถปรึกษากับทาง Live For Sound ได้ เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเสียงคอยให้คำแนะนำปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ทั้งออกแบบวางระบบเสียงคาราโอเกะ ให้ตรงใจผู้ใช้งาน นอกจากนี้ทาง Live For Sound ยังมีบริการออกแบบและติดตั้งระบบเสียงร้านอาหารอีกด้วย บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น เครื่องเสียงห้องประชุมควรมีอะไรบ้าง หรือ วิธีการแก้เสียงไมค์หวีดหอนในห้องประชุม และยังมีคอร์สเรียนเกี่ยวกับระบบเสียงที่น่าสนใจ เช่น คอร์สเรียนวิศวกรระบบเสียง หากอยากทราบว่า วิศวกรระบบเสียงคืออะไร เริ่มต้นอย่างไร ทำงานที่ไหนได้บ้าง

         ใครที่สนใจอยากทำอาชีพด้าน SOUND ENGINEER สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ได้เลย หลักสูตรเรียน SOUND ENGINEER นอกจากนี้เรายังเปิดสอน หลักสูตรการมิกซ์เสียงในงานแสดงสด อีกด้วย

หรือสนใจสอบถามคอร์สเรียนและหลักสูตรต่าง ๆ สามารถสอบถามได้ที่
โทรศัพท์ 02-550-6340, 064-198-2499
Line : @liveforsound
Email : [email protected]

บทความโดย: ทรงพล แจ่มแจ้ง (SOUND ENGINEER)

         รับติดตั้งระบบเสียง ห้องประชุม ร้านอาหาร ผับบาร์ ห้องคาราโอเกะ ห้องจัดเลี้ยง ระบบเสียงสนามกีฬา ระบบเสียงร้านกาแฟ สามารถปรึกษาทางทีมงาน LIVE FOR SOUND ได้ พร้อมรับตรวจเช็ค แก้ไขปัญหาระบบเสียงทุกรูปแบบ โดย ทรงพล แจ่มแจ้ง และทีมงานมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี

สอบถามข้อมูลการติดตั้งได้ทาง