อุปกรณ์ เครื่องเสียงห้องประชุม ควรมีอะไรบ้าง

เครื่องเสียงห้องประชุม ควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง

หน่วยงานต่าง ๆ ต้องมีการประชุมวางแผนงาน

สำหรับหน่วยงาน บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต้องมีการประชุมวางแผนงาน เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายขององค์กรให้สำเร็จบรรลุผลไปได้ด้วยดี ห้องประชุมจึงมีส่วนสำคัญ หากเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก นั่งประชุมกันแค่ไม่กี่คน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องเสียง ยกเว้นการประชุมออนไลน์ร่วมด้วย ส่วนห้องประชุมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ควรใช้เครื่องเสียงสำหรับห้องประชุม เพื่อให้ได้ยินเสียงพูดคุยที่ชันเจนมากขึ้น และเลี่ยงปัญหาเสียงไมค์หวีดหอน จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เฉพาะในการจัดการ ดังนั้นอุปกรณ์ระบบ เครื่องเสียงห้องประชุม ควรมีรายการอะไรบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า

ไมโครโฟน (MICROPHONE)

เป็นอุปกรณ์รับสัญญาณเสียงเพื่อจะนำไปขยายเสียงสู่ลำโพง ในระบบ เครื่องเสียงห้องประชุม ไมโครโฟนมีทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ ชุดไมค์ประชุม, ไมค์มือถือมีสายทั่วไป, ไมค์ไร้สายหรือไมค์ลอย การทำงานก็จะไม่เหมือนกัน แต่ละแบบทำงานยังไง มาทำความเข้าใจกันก่อน

- ชุดไมค์ประชุม แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือชุดไมค์ประชุมแบบใช้สาย กับ ชุดไมค์ประชุมแบบไร้สาย ชุดไมค์ประชุมนั้นจะประกอบไปด้วย เครื่องควบคุม 1 เครื่อง มีไมค์ประธาน 1 ตัว และไมค์ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนตามที่ต้องการ แต่ต้องไม่เกินจำนวนที่เครื่องควบคุมทำได้ เช่นเครื่องควบคุมสามารถต่อไมค์ในระบบได้ 50 ตัว เราก็สามารถใช้ไมค์ประธานได้ 1 ตัว และไมค์ผู้ร่วมประชุมได้ 49 ตัว รวมเป็น 50 ตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ความยาวสายของไมค์ประชุม

โดยปกติทั่วไปไมค์ประชุมแต่ละตัวจะมีความยาวสายไม่เกิน 2 เมตร หากต้องต่อสายยาวออกไป จำนวนไมค์ประชุมที่ใช้ทั้งหมดก็ต้องลดลงไปด้วย เพราะแรงดันไฟฟ้าที่ไปจ่ายให้กับไมค์ประชุมนั้นไม่สามารถจ่ายได้เพียงพอ ต้องเพิ่มตัวเครื่องจ่ายกระแสไฟเข้าไปตามจำนวนสายที่ยาวเพิ่มขึ้น เมื่อเพิ่มเครื่องจ่ายกระแสไฟเข้าไป ก็สามารถเพิ่มจำนวนไมค์ประชุมเข้าไปได้อีกตามระบบที่รองรับได้ ซึ่งจำนวนนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อที่เลือกใช้ ควรให้ซาวด์เอ็นจิเนียร์เป็นผู้คำนวณระยะสายและแรงดันไฟฟ้าในระบบ

ส่วนชุดไมค์ประชุมไร้สายก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน เพียงแค่ใช้แบตเตอรี่ในการจ่ายไฟให้คุมไมค์ประชุม ส่วนในระบบจะได้กี่ตัวนั้น ขึ้นอยู่กับเครื่องควบคุมว่ารองรับไมค์ประชุมได้กี่ตัว และการใช้ไมค์ประชุมแบบไร้สาย ก็ต้องมีการคำนวณพื้นที่ เพราะมีเรื่องของเสากระจายสัญญาณให้ครอบคลุม การส่งสัญญาณไร้สายมีทั้งแบบคลื่น WIFI คลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz, แบบคลื่น IR หรือ Infrared และแบบคลื่น UHF แต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียงแตกต่างกัน ส่วนค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่าชุดไมค์ประชุมแบบมีสาย เพราะมีเรื่องของแบตเตอรี่และที่ชาร์จเข้ามาเกี่ยวข้องรวมทั้งอุปกรณ์อื่นเข้ามา ข้อดีคือสะดวกไม่ต้องมีสายเกะกะให้ห้องดูไม่สวยงาม

- ไมค์มือถือมีสายทั่วไป ไมค์ไร้สายหรือไมค์ลอย ไมค์พวกนี้ไว้ใช้สำหรับพูดสลับกันไม่กี่คน หรือไว้สำหรับบรรยายหรือถามตอบ ไม่เหมาะกับการใช้ประชุมหลาย ๆ คน ประหยัดงบประมาณ ข้อเสียคือถ้าเป็นไมค์สายและใช้เยอะ ๆ สายก็จะเกะกะใช้งานลำบาก หากเป็นไมค์ไร้สายทั่วไปหรือไมค์ลอย ก็จะได้ไม่เกิน 8 ตัว แล้วแต่ยี่ห้อ และต้องใช้จำนวนช่องสัญญาณของมิกเซอร์มาก อีกทั้งไม่สามารถควบคุมการเปิดปิดไมค์ประชุมได้ ใครถือไมค์แล้วพูดไม่หยุด ประธานในที่ประชุมก็ไม่สามารถควบคุมการประชุมได้ ก็จะเกิดความวุ่นวายตามมา จึงเหมาะแก่ห้องประชุมแบบบรรยายหรือประชุมชี้แจงแถลงข่าวมากกว่า

มิกเซอร์ (MIXER)

เป็นเครื่องรวมสัญญาณเสียงหลายเสียงเข้าด้วยกัน ในระบบ เครื่องเสียงห้องประชุม นอกจากไมโครโฟนแล้ว ยังมีอุปกรณ์ที่กำเนิดเสียงอีก เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเพลงต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องมีมิกเซอร์ผสมสัญญาณเสียง ซึ่งมิกเซอร์นั้นมีให้เลือกทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน อนาล็อกก็จะใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน ส่วนดิจิตอลก็สะดวกในการปรับแต่งเสียงและความปลอดภัยในการเข้าถึงการปรับค่าต่าง ๆ ปลอดภัยจากบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง จำนวนช่องสัญญาณที่ใช้งานก็จะขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดเสียง

โปรเซสเซอร์ (DSP)

เป็นเครื่องประมวลผลสัญญาณเสียงในรูปแบบดิจิตอล ในระบบ เครื่องเสียงห้องประชุม บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้เครื่องประมวลผลสัญญาณเสียง หรือบางทีก็จะเรียกว่าเครื่อง DSP เอาไว้ประมวลผลสัญญาณเสียงต่าง ๆ ก่อนไปสู่เพาเวอร์แอมป์ขยายเสียง เช่น อีคิวปรับแต่งเสียง ครอสโอเวอร์

เครื่องป้องกันเสียงหอน
(ANTI FEEDBACK)

เป็นเครื่องป้องกันเสียงหอน ไมโครโฟนสำหรับประชุมนั้นเมื่อเปิดไมค์พร้อมกันหลายตัว จะทำให้รับเสียงรอบข้างมากขึ้น ทำให้เกิดเสียงหอนได้ง่าย เพราะที่ฐานของไมโครโฟนประชุมจะมีลำโพงอยู่ เมื่อมันอยู่ใกล้กันเกินไป เสียงก็จะวนกลับเข้ามาที่ไมโครโฟน เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดเสียงหอน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเครื่องป้องกันเสียงหอนหรือ Anti Feedback เข้ามาช่วยป้องกันเสียงหอน ซึ่งเครื่องควบคุมไมโครโฟนประชุมบางรุ่นบางยี่ห้อ มีเครื่องควบคุมเสียงหอนมาให้ในตัวอยู่แล้ว เช่น เครื่องควบคุมไมค์ประชุมของ Bosch หรือของ Sound Vision

เพาเวอร์แอมป์ขยายเสียง (AMP)

เป็นเครื่องขยายสัญญาณเสียงก่อนจะออกไปสู่ลำโพง ในระบบ เครื่องเสียงห้องประชุม นั้น การเลือกใช้เพาเวอร์แอมป์ขยายเสียงนั้นขึ้นอยู่กับลำโพงเป็นหลัก รูปแบบการใช้งานไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะทำหน้าที่แค่ขยายสัญญาณเสียง มีให้เลือกใช้แบบ Low Ohms กับแบบ Volte Line

ลำโพง (SPEAKER)

ลำโพงสำหรับห้องประชุมมีให้ใช้งานหลากหลายรูปแบบ มีลำโพงเพดาน ลำโพงตู้ ลำโพงแบบไลน์อาเรย์ จะใช้ลำโพงจำนวนกี่ใบ ขึ้นอยู่กับการคำนวณตำแหน่งการวางลำโพง ให้เสียงมีความดังครอบคลุมพื้นที่อย่างทั่วถึง โดยต้องให้ซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในการคำนวณ

สรุป :

นี่คืออุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในระบบเครื่องเสียงห้องประชุม ส่วนจะใช้จำนวนเท่าไหร่ในลักษณะการใช้งานของแต่ละห้อง สามารถโทรปรึกษาทาง Live For Sound เรามีทีมงานออกแบบและติดตั้งเครื่องเสียงห้องประชุมอย่างมืออาชีพ ได้รับการอบรมอย่างถูกต้องจากสถาบันของต่างประเทศ นอกจากนี้ทาง Live For Sound ยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจเช่น วิธีออกแบบระบบเสียงร้านอาหาร หรือ วิธีการเลือกเครื่องเสียงคาราโอเกะ และยังมีคอร์สเรียนเกี่ยวกับระบบเสียงที่น่าสนใจ เช่น คอร์สเรียนวิศวกรระบบเสียง หากอยากทราบว่า วิศวกรระบบเสียงคืออะไร เริ่มต้นอย่างไร สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ SOUND ENGINEER เริ่มต้นอย่างไร?

บทความโดย: ทรงพล แจ่มแจ้ง (SOUND ENGINEER)

ติดต่อขอรับข้อมูลและบริการออกแบบระบบห้องประชุมได้ที่ [email protected]

โทร 02-550-6340 หรือ 064-198-2499

สอบถามข้อมูลการติดตั้งได้ทาง